วันอาทิตย์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ปืนโคตรหลอน! ไก่รัว3เม็ดพลิกแซงเฮ 3-2


ข่าวฟุตบอล สเปอร์สสุดแสบยิงครึ่งหลังสามลูกรวดแซงกลับมาบดชนะอาร์เซน่อล ได้ถึงถิ่นเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม 3-2 ทั้งที่โดนนำอนครึ่งแรกถึงสองลูก

ผลบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
วันเสาร์ที่ 20 พฤศจิกายน 2553
อาร์เซน่อล 2 : 3 ท็อตแน่มฮ็อต สเปอร์ส
ประตู : 1-0 ซามีร์ นาสรี่ น.9, 2-0 มารูยาน ชามัคห์ น.27, 2-1 แกเร็ธ เบล น.50, 2-2 ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ต น.67 (จุดโทษ), 2-3 โยเนส คาบูล น.85

ไฮไลท์การทำประตูในเกมนี้

ครึ่งแรก

นาที ที่ 8 อาร์เซน่อลออกนำ 1-0 เมื่อ เชส ฟราเบกาส วางบอลยาวจากแดนตัวเอง ไปให้ ซารมีร์ นาสซรี่ ที่เอาชนะแนวรับของ สเปอร์ส ที่ขึ้นมาดักล้ำหน้าพลาด หลุดเดี่ยวเข้าไปในกรอบเขตโทษ ก่อนที่จะแตะบอลหนี เฮเรลโญ่ โกเมส จนเกือบจะไม่มีมุมยิง แต่มิดฟิลด์ชาวฝรั่งเศสยังตามไปหักบอลให้เข้ากรอบทัน บอลค่อยๆไหลผ่าน เบอนัวต์ อัสซู-เอก็อตโต้ ที่วิ่งตามมาสกัด เข้าประตูไป

นาที 27 เจ้าบ้านมาได้ประตูที่สองจากจังหวะโต้กลับเร็วที่เชสก์ ฟาเบรกาสได้บอลที่แถวๆกลางสนามแล้วจ่ายออกข้างให้อาชาวินหลุดขึ้นไปทางกราบ ซ้ายก่อนตบเข้ากลางมาให้ชามัคห์จิ้มเข้าประตูไปแบบสบายๆ อาร์เซน่อลนำ 2-0

เกม ดำเนินมาถึงครึ่งชั่วโมง ทีมเยือนมีโอกาสลุ้นประตูบ้าง อเล็กซ์ ซง จ่ายบอลเสีย หน้ากรอบเขตโทษ ลูก้า โมดริชวิ่งเข้ามาซัดเต็มแรง แต่ ลูคัส ฟาเบียนสกี้ นายประตูเจ้าบ้านพุ่งปัดเอาไว้ได้สวย

สเปอร์ส พยายามเปิดเกมแลก หลังโดนนำห่างสองลูกก่อนครึ่งชั่วโมงแรก แต่กลับโดนเจ้าบ้านใช้การเล่นบอลจังหวะเดียว สวนกลับมาได้เสียวหลายครั้ง แต่ไม่สามารถบวกประตูเพิ่มได้ จบเกมในครึ่งแรก อาร์เซน่อล นำ สเปอร์ส 2-0

ครึ่งหลัง

นาที 51 สเปอร์สกลับสู่เกมได้แล้วหลังมาได้ประตูตีไข่แตกจากจังหวะที่เอก็อตโต้วาง บอลยาวจากแดนหลังไปหน้าเขตโทษแล้วเป็นเจอร์เมน เดโฟโขกชงต่อให้ฟาน เดอร์ ฟาร์ตพักอกเอาบอลลงแล้วจ่ายออกข้างให้เบลที่เติมขึ้นมารับบอลหลุดไปซัดผ่าน มือฟาเบียงสกี้ ไก่เดือยทองไล่ขึ้น 1-2

นาที 66 โอกาสตีเสมอของสเปอร์สมาแล้วหลังได้ฟรีคิกที่หน้าเขตโทษของอาร์เซน่อล ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ตซัดไปติดกำแพง ตอนแรกเหมือนไม่มีอะไรแต่แล้วผู้ตัดสินก็เป่าให้เป็นจุดโทษจากลูกแฮนด์บอล เมื่อดูจากภาพช้าแล้วเห็นได้ชัดเลยว่าฟาเบรกาสเจตนาเอามือขึ้นมาบล็อคบอล และเป็นฟาน เดอร์ ฟาร์ท รับหน้าที่สังการไม่พลาด ไก่เดือยทองได้กระต๊ากตีเสมอ 2-2

นาที 71 เดอะ กันเนอร์สต้องเฮเก้อเมื่อซามีร์ นาสรี่เปิดฟรีคิกจากฝั่งขวาเข้าไปในกรอบบอลหลุดไปถึงเชส ฟาเบรกาสที่เสาไกลโหม่งชงต่อให้เซบาสเตียง สกิลลาชี่ ซัดโล่งๆกลางประตูตุงตาข่ายแต่โดนจับเป็นลูกล้ำหน้าของเชสไปก่อนแล้วชวดได้ ประตูไปตามระเบียบ

นาที 85 ทีมเยือนแซงนำ 3-2 เมื่อได้ฟรีคิกตรงริมเส้นฝั่งขวาเกือบครึ่งสนามราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท เปิดเข้าไปหน้าประตูยูเนส กาบุล ขึ้นโหม่งเช็ดบอลเสียบเสาไกลตุงตาข่ายและเป็นประตูชัยให้สเปอร์สบุกชนะอาร์ เซน่อลสุดแสบ 3-2

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

อาร์เซน่อล : ลูคัสซ์ ฟาเบียงสกี้, โลร็องต์ คอสเซียลนี่ย์ , เซบาสเตียน สกิลลาชี่, กาแอล กลิชี่, บาการี่ย์ ซานญ่า , เดนิลสัน , อเล็กซ์ ซง, มารูยาน ชามัคห์ (ฟาน เพอร์ซี่ น.68), เชสก์ ฟาเบรกาส, อังเดร อาชาวิน (วัลค็อตต์ น.77), ซามีร์ นาสรี่ (โรซิคกี้ น.77)

ท็อตแน่มฮ็อต สเปอร์ส : โก เมส, โยเนส คาบูล, วิลเลี่ยม กัลลาส์, เบอโน อัสซู-เอก็อตโต้, อลัน ฮัตตัน, ลูก้า โมดริช, เจอร์เมน จีนาส, แกเร็ธ เบล, อารอน เลนน่อน (เดโฟ น.45), โรมัน พาฟลิวเชนโก้ (เคราช์ น.74), ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ต (ปาลาซิออส น.88)

ผีมาแล้ว! อัดวีแกน9คน 2-0 แต้มเท่าสิงห์บลูส์


ข่าวฟุตบอล "ปีศาจแดง" แมนฯ ยูไนเต็ด ฟอร์มไม่แจ่มเท่าไหร่แต่ยังเอาตัวรอดบดเอาชนะวีแกนที่เหลือ9 คน 2-0 ขึ้นนั่งรองฝูงมีแต้มเท่าเชลซีที่พ่ายเบอร์มิงแฮม0-1แต่ประตูได้เสียเป็นรอง

ผลบอล พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ
วันเสาร์ที่ 20 ตุลาคม 2553
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2 : 0 วีแกน
ประตู : 1-0 ปาทริซ เอฟร่า น.45,2-0 ฮาเวียร์ เฮอร์นานเดซ น.77

ไฮไลท์การทำประตูในเกมนี้

ครึ่งแรก

นาที 5 ทีมเยือนเกือบช็อกแฟนบอลเจ้าถิ่น ชาร์ล เอ็นซอกเบีย พาบอลไปทางริมเส้นด้านซ้าย ก่อนเปิดเข้ามากลาง กองหลังเจ้าถิ่นสกัดไม่ดี ฮูโก้ โรดาเยก้า ได้ซัดแต่ เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ พุ่งมาขวางไว้ บอลกระดอนมาถึง ฆอร์ดี้ โกเมซ ยิงข้ามคาน

นาที 11 นานี่ ลองส่องไกลจากนอกเขตโทษจน อาลี อัล ฮับซี ต้องออกแรงปัดทิ้งปลายมือ

นาที ที่ 20 แมนฯยูไนเต็ดเริ่มจะครองบอลขึงเกมใส่ทางวีแกนได้แล้ว แต่ยังหาช่องเจาะกำแพงนักเตะของวีแกนที่ยืนกันแน่นไม่ได้ แถมยังจ่ายบอลเสียกันเปาะแปะในจังหวะจะทำเกมไปลุ้นหน้าประตูตลอด

นาที 35 ชาร์ลส์ เอ็นซอกเบีย ยกบอลเข้าเขตโทษให้ ฮูโก โรดัลเยเก โหม่งบอลเช็ดไปให้ รอนนี สแตม วิ่งสอดมายิงหลุดเสาออกไป

นาที 37 เอ็นซอกเบีย เก็บบอลได้หน้าเขตโทษ ก่อนเลี้ยงแหวกกองหลังทีมเยือน 3-4 เข้าไปยิงในเขตโทษ แต่ยังดี เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ บล็อกออกหลังไป

นาที 45 เจ้าถิ่นที่ครองบอลได้มากกว่ามาได้ประตูจนได้เมื่อ พาร์ค จี ซอง เปิดบอลจากทางด้านขวาไปเสาสอง อัล ฮับซี่ ไม่กล้าออก ปาทริช เอวร่า เลยสบโอกาสเทกตัวเบียดแย่งโหม่งเข้าประตูไป ครึ่งแรก เจ้าถิ่นนำ 1-0

ครึ่งหลัง

นาที ที่ 57 แมนฯยูไนเต็ดต้องปรับเกมด้วยการส่งพอล สโคลส์ลงไปเล่นแทนปาร์ค จี ซองที่วันนี้ทำอะไรไม่ค่อยได้สักเท่าไร และส่งเวย์น รูนี่ย์ที่ไม่ได้ลงเล่นให้ทีมมาแสนนานแทนที่เฟดเดริโก้ มาเคด้าที่ตั้นท์กับกองหลังวีแกนไม่ไหวจริงๆ

นาที 59 วีแกน มาเหลือผู้เล่น 10 คน หลังจาก อันโตลิน อัลคาราซ ไปสไลด์ใส่ ดาร์เรน เฟลทเชอร์ จนถูกใบเหลืองที่สองเป็นใบแดงถูกไล่ออกจากสนามไป

นาที 61 โรดัลเยก้า พุ่งเสียบสองเท้าใส่ ราฟาเอล จนถูกใบแดงจน วีแกน เหลือแค่ 9 คน นาที 70 รูนีย์ เกือบทำประตูให้ แมนฯ ยูไนเต็ด หลังจากโหม่งบอลจากลูกเปิดของ ราฟาเอล แต่ถูก อัล ฮับซี ปัดข้ามคานไป

นาที 76 ผีแดงนำห่าง 2-0 เมื่อราฟาเอลเปิดบอลจากฝั่งขวาเข้าไปหน้าประตูฮาเวียร์ เฮอร์นานเดซ "ชิชาริโต้" พุ่งโขกเต็มหัวบอลผ่านมืออาลี อัล ฮับซีตุงตาข่าย

นาที ที่ 88 แมนฯยูไนเต็ดน่าจะได้ประตูนำห่าง 3-0 อย่างแรง จากจังหวะที่ราฟาเอลคนเดิมเปิดทางริมเส้นขวาแบบพุ่งๆปาดมาหน้าประตู ไม่มีใครเข้าถึงบอล แต่เป็นเฮอร์นานเดซที่วิ่งมาเหน่งๆคนเดียวที่เสาสอง แต่เหมือนจังหวะจะไม่พอดีทำให้ชาร์จวืด หมดโอกาสไป

นาทีที่ 92 แมนฯยูไนเต็ดยังไม่ได้ประตูที่สาม จากจังหวะที่เอฟร่ามีโอกาสได้เลี้ยงเข้าไปส่องเหน่งๆในกรอบเขตโทษฝั่งซ้ายคน เดียว แต่บอลก็เลยผ่านหน้าประตูหลุดออกหลังไป

จบเกมแมนฯยูไนเต็ด คว้า 3 คะแนนสำคัญเหนือวีแกนไปได้สำเร็จ ทำให้พวกเขาขยับขึ้นเป็นอันดับสองแทนที่อาร์เซน่อล มีคะแนนเท่ากับจ่าฝูงเชลซีที่ 28 คะแนน แต่ลูกได้เสียน้อยกว่าอยู่ 7 ลูก

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด : เอ็ด วิน ฟาน เดอร์ ซาร์,เนมันย่า วิดิช,ริโอ เฟอร์ดินานด์,ปาทริซ เอฟร่า,ราฟาเอล,ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์,ไมเคิ่ล คาร์ริค(เฮอร์นานเดซ น.65),ปาร์ค จี ซอง(สโคลส์ น.56),นานี่,กาเบรียล โอแบร์ตอง,เฟดเดริโก้ มาเคด้า(รูนี่ย์ น.56)

วีแกน : อาลี อัล ฮับซี่,อันโตลิน อัลคาราซ ,สตีเว่น คาล์ดเวลล์,เมย์นอร์ ฟิเกรัว,สตีฟ โกฮูรี่,เฮนดรี้ โธมัส,โมฮัมเม็ด ดิอาเม่,รอนนี่ สตัม(แม็คอาร์เธอร์ น.80),ฆอร์ดี้ โกเมซ(โมเซส น.58),ฮูโก้ โรดาเญก้า,ชาร์ลส์ เอ็น’ซ็อกเบีย(ดิ ซานโต้ น.80)

หงส์เริงร่า! เปิดรังไล่อัดค้อนจมบ๊วย 3-0


ข่าวฟุตบอล "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล โชว์ฟอร์มดุ เปิดรังไล่ถล่ม เวสต์แฮม ทีมบ๊วยของตาราง 3-0 เก็บ 3 คะแนนเต็ม ขึ้นมารั้งที่ 9 ของตารางเรียบร้อย ศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อคืนที่ผ่านมา

ผลบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
วันเสาร์ที่ 20 พฤศจิกายน 2553
ลิเวอร์พูล 3-0 เวสต์แฮม
ประตู : 1-0 จอห์นสัน น.18,2-0 เคาท์ น. 27(จุดโทษ),3-0 มักซี่ น.38

ไฮไลท์การทำประตูในเกมนี้

ครึ่งแรก

นาทีที่ 10 เอ็นก๊อกก็ลากบอลจากฝั่งขวาแหวกเข้ามาตรงกลางก่อนจะจิ้มให้เฟร์นานโด ตอร์เรสเผด็จศึกจาก 20 หลาหลุดออกเส้นหลัง

นาทีที่ 17 ตอร์เรสป้ายบอลจากริมเขตโทษด้านซ้ายคืนให้ราอูล เมยเรเลสซัลโวระยะ 20 หลาถูกกรีนปัดพ้นคานได้สำเร็จ

นาที 26 ตอร์เรส ได้บอลในกรอบเขตโทษแล้วพยายามแตะหนีกองหลังทีมเยือน บอลไปถูกมือของ ดาเนียล แกบบิดอน จนกรรมการเป่าให้เป็นลูกจุดโทษ ก่อนที่ เดิร์ก เคาท์ จะรับหน้าที่สังหารไม่พลาด สกอร์ขยับเป็น 2-0

นาที 34 ลิเวอร์พูลได้ฟรีคิกตรงปีกซ้ายก่อนที่จะเปิดยาวบอมบ์มาแล้วกรีนก็ออกมาชกไม่ ดีตามคาดยังดีที่ตอร์เรสเก็บตกกระดกบอลข้ามหัวไปถูกกองหลังที่ยืนคุมเส้น เคลียร์ทิ้งทัน

นาทีที่ 36 เดอะ แฮมเมอร์สจึงมีลุ้นหนแรกจากการวางบอลยาวทางกราบซ้ายของหลุยส์ บัวร์ม็อตที่โคลได้โขกจาก 12 หลา แต่ขาดความรุนแรงจึงถูกโฆเซ่ เรน่ากระโดดคว้าได้

นาที 38 ทีมเยือนก็เสียท่าอีกตามเคยเมื่อตอร์เรสทะลุเข้าไปเข่นในเขตโทษด้านซ้ายถูกก รีนใช้ขาสกัดได้ที่เสาแรก แต่พอล คอนเชสกี้เด็กเก่าขุนค้อนอีกรายเก็บบอลที่ริมสนามได้จึงสาดยาวกลับมาให้มัก ซี่ โรดริเกซโขกจาก 12 หลาสะบัดเข้าเสาไกลสุดที่กรีนจะพุ่งปัดถึงทำให้เร้ด แมชีนนำห่าง 3-0

ท้ายครึ่งแรก เจ้าบ้านเพลาเครื่องลงจึงเป็นโอกาสที่ทีมเยือนได้เล่นเกมรุกบ้าง แต่ก็ไร้พิษสง ครบ 45 นาทีลิเวอร์พูลจึงนำไปแบบหายห่วง 3-0

ครึ่งหลัง

นาทีที่ 52 ตอร์เรส พยายามฟ้องว่า แก๊บบิดอน ใช้มือปัดบอลในกรอบเขตโทษอีก แต่คราวนี้ ผู้ตัดสินไม่ว่าอะไร

นาที 67 เกมที่เซ็งๆแต่มาทำให้เดอะค็อปแอบขมิบเล็กน้อยหลังปิกิยอนเปิดบอลจากปีกซ้าย แต่โดนไม่ดีโด่งย้อยมาจะเสียบใต้คานร้อนถึงเรน่าต้องปัดข้ามคานยอมเสียเตะ มุม

นาที 72 เกือบมีประตูสุดสวยแห่งฤดูกาลของตอร์เรสหลังพลิกตัวยิงหน้าเขตโทษเต็มข้อบอล พุ่งทแยงกำลังจะเสียบสามเหลี่ยมแต่กรีนบินปลัดปลายมือบอลชนคานดังสนั่น

จาก นั้น รอย ฮอดจ์สัน เปลี่ยนตัวบ้างโดยส่ง ฟาบิโอ ออเรลิโอ ลงแทน เอ็นก๊อก ขณะที่ แกร้นท์ เปลี่ยนคนสุดท้ายส่ง เจมส์ ทอมกิ้นส์ แทน เอริต้า อิเลิงก้า ในช่วง 16 นาทีสุดท้าย

นาทีที่ 83 ฮอดจ์สัน ถอด เมยเรเลส ไปพักแล้วส่ง จอนโจ เชลวี่ย์ ดาวรุ่งที่ซื้อมาจาก ชาร์ลตัน ลงแทน ก่อนที่อีกสองนาทีต่อมา ตอร์เรส จะได้พักเพื่อเปิดทางให้ ไรอัน บาเบล ลงสนาม

ช่วงเวลาที่เหลือ ไม่มีฝ่ายใดทำอะไรกันได้อีก จบเกม ลิเวอร์พูล เอาชนะไปสวยงาม 3-0 ขึ้นไปรั้งอันดับเก้าของตารางพรีเมียร์ลีก ส่วน เวสต์แฮม จมบ๊วยต่อไป

อังกฤษโบว์เยอร์แสบสนิท! ซัดชัยเชือดสิงห์บลูส์ 1-0

รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม

ลิเวอร์พูล : โฆเซ่ เรน่า 6,เกล็น จอห์นสัน 7.5,เจมี่ คาร์ราเกอร์ 6,มาร์ติน สเคอร์เทล 6.5,พอล คอนเชสกี้ 6.5,เดิร์ก เคาท์ 8 *,รา อูล เมเรเลส 6.5(เชลเวย์ น.83),คริสเตียน โพลเซ่น 7,มักซี่ โรดริเกซ 8,เฟร์นานโด ตอร์เรส 6.5(บาเบิ้ล น.85),ดาวิด เอ็นก็อก 6(ออเรรลิโอ น.73,6.5)

เวสต์แฮม : โรเบิร์ต กรีน 6,ลาร์ส ยาค็อปเซ่น 4.5,ดาเนี่ยล แก๊บบิดอน 5,แมทธิว อัพสัน 5,เฮริต้า อิลุงก้า 4.5(ทอมกินส์ น.76),เฟรเดริค ปิกิยอน 5.5,มาร์ค โนเบิ้ล 5.5,ราโดสลาฟ โควัค 6,หลุยส์ บัว มอร์เต้ 5.5,วิคเตอร์ โอบินน่า 4(บาร์เรร่า น.46,6.5),คาร์ลตัน โคล 6(แม็คคาร์ธีย์ น.69,6)

วันพุธที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

โปรแกรมกีฬา วันที่ 10 / 11 / 2553


ต่างประเทศ

ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
02.45 น. แอสตัน วิลล่า - แบล็คพูล
02.45 น. เชลซี - ฟูแล่ม
02.45 น. นิวคาสเซิ่ล - แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส
02.45 น. เวสต์แฮม - เวสต์บรอมวิช
02.45 น. วีแกน - ลิเวอร์พูล
02.45 น. วูล์ฟแฮมป์ตัน - อาร์เซน่อล
03.00 น. เอฟเวอร์ตัน - โบลตัน
03.00 น. แมนฯ ซิตี้ - แมนฯ ยูไนเต็ด

ฟุตบอล เดอะ แชมเปี้ยนชิพ อังกฤษ
02.45 น. เลสเตอร์ - เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด
02.45 น. สวอนซี - บริสตอล ซิตี้
03.00 น. เรดดิ้ง - คาร์ดิฟฟ์

ฟุตบอล กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี
02.45 น. เอซี มิลาน - ปาแลร์โม่
02.45 น. เบรสชา - ยูเวนตุส
02.45 น. กายารี่ - นาโปลี
02.45 น. คาตาเนีย - อูดิเนเซ่
02.45 น. เชเซน่า - ลาซิโอ
02.45 น. คิเอโว่ - บารี่
02.45 น. เจนัว - โบโลญญ่า
02.45 น. เลชเช่ - อินเตอร์ มิลาน
02.45 น. โรม่า - ฟิออเรนติน่า

ฟุตบอล สกอตติช พรีเมียร์ลีก
02.30 น. ฮาร์ทส์ - กลาสโกว์ เซลติก
02.45 น. ดันดี ยูไนเต็ด - เซนต์ เมียร์เรน
02.45 น. คิลมาน็อค - ฮามิลตัน
02.45 น. มาเธอร์เวลล์ - เซนต์ จอห์นสโตน
02.45 น. กลาสโกว์ เรนเจอร์ส - ฮิเบอร์เนี่ยน

ฟุตบอล โกปา เดล เรย์ รอบ 32 ทีม นัดสอง
02.00 น. เรอัล ซาราโกซ่า - เรอัล เบติส
02.00 น. เรอัล มาดริด - เรอัล มูร์เซีย
03.00 น. เซบีย่า - เรอัล อูนิโอน
03.00 น. แอตเลติโก มาดริด - ลาส พัลมาส
03.00 น. บียาร์เรอัล - เอฆิโด้
03.00 น. อัลเมเรีย - เรอัล โซเซียดาด
03.00 น. เดปอร์ติโบ ลา กอรุนญ่า - โอซาซูน่า
03.00 น. เลบันเต้ - เคเรซ
04.00 น. แอธเลติก บิลเบา - อัลกอร์กอน
04.00 น. บาร์เซโลน่า - เซอูต้า

ฟุตบอล เฟร้นช์ ลีก คัพ รอบก่อนรองชนะเลิศ
23.00 น. วาล็องเซียนส์ - ปารีส แซงต์ แชร์กแมง
00.45 น. มงต์เปลลิเย่ร์ - ลีลล์
02.45 น. มาร์กเซย - โมนาโก

ฟุตบอล ดัตช์ คัพ รอบสี่
00.45 น. พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น - สปาเคนเบิร์ก
02.00 น. อัลค์มาร์ - ไอนด์โฮเฟ่น
02.00 น. อเปลดอร์น - อูเทร็คท์
02.00 น. ไดจ์เซ บอยส์ - เกเนมุยเด้น
02.00 น. เทรฟเฟอร์ส - นอร์ดไวก์
02.00 น. วิเทสส์ - ไรจ์เบิร์กส์ บอยส์
02.45 น. โก อเฮด อีเกิลส์ - โรด้า เจซี

ฟุตบอลชายเอเชียนเกมส์ 2010 ที่เมืองกวางโจว ประเทศจีน
กลุ่มเอ
15.00 น. มาเลเซีย - ญี่ปุ่น
18.00 น. จีน - คีร์กีซสถาน

กลุ่มบี
15.00 น. เวียดนาม - เติร์กเมนิสถาน (NBT11)
18.00 น. อิหร่าน - บาห์เรน

กลุ่มซี
15.00 น. เกาหลีใต้ - จอร์แดน
18.00 น. ปาเลสไตน์ - เกาหลีเหนือ

เทนนิส เอทีพี ทัวร์ บีเอ็นพี ปารีบาส มาสเตอร์ ที่ปารีส ประเทศฝรั่งเศส
ประเภทชายเดี่ยว รอบสอง
แอนดี้ ร็อดดิก (สหรัฐ, มือ 8) - ยาร์คโค่ นีมิเน่น (ฟินแลนด์)
เซอร์กี้ สตาคอฟสกี้ (ยูเครน) - มาริน ซีลิค (โครเอเชีย, มือ 13)
อีวาน ลูบิซิช (โครเอเชีย, มือ 15) - สตานิสลาส วาวรินก้า (สวิตเซอร์แลนด์)
ฮวน โมนาโก (อาร์เจนตินา) - โนวัค โยโควิช (เซอร์เบีย, มือ 2)
แอนดี้ เมอร์เรย์ (สหราชอาณาจักร, มือ 3) - ดาวิด นัลบานเดียน (อาร์เจนตินา)
เจอร์เก้น เมลเซอร์ (ออสเตรีย) - ซานติอาโก้ กิรัลโด้ (โคลอมเบีย)
จอห์น อิสเนอร์ (สหรัฐ) - มิชาเอล โลดร้า (ฝรั่งเศส)
โธมัส เบลลุซซี่ (บราซิล) - นิโคไล ดาวีเดนโก้ (รัสเซีย, มือ 10)
ฟาบิโอ ฟ็อกนินี่ (อิตาลี) - ดาวิด เฟร์เรร์ (สเปน, มือ 7)
โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ (สวิตเซอร์แลนด์, มือ 1) - ริชาร์ด กาสเก้ต์ (ฝรั่งเศส)
ชีลส์ ซิมง (ฝรั่งเศส) - โรบิน โซเดอร์ลิ่ง (สวีเดน, มือ 4)

วอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์โลก "เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ 2010" รอบสอง ที่ประเทศญี่ปุ่น
กลุ่ม อี ที่สนาม โยโยกิ เนชั่นแนล สเตเดี้ยม กรุงโตเกียว
09.15 น. เปรู - จีน
11.30 น. เซอร์เบีย - เกาหลีใต้
13.45 น. โปแลนด์ - ตุรกี
16.45 น. ญี่ปุ่น - รัสเซีย

กลุ่ม เอฟ ที่สนาม นิปปอนไกชิ ฮอลล์ เมือง นาโกย่า
09.45 น. สาธารณรัฐเช็ก - ไทย (ช่อง 7)
12.00 น. บราซิล - สหรัฐอเมริกา
14.15 น. เนเธอร์แลนด์ - เยอรมัน
16.30 น. อิตาลี - คิวบา

บาสเกตบอล เอ็นบีเอ ฤดูกาล 2010/2011 ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ตามเวลาประเทศไทย
07.00 น. เดนเวอร์ นักเก็ตส์ - อินเดียน่า เพเซอร์ส
07.00 น. คลีฟแลนด์ คาวาเลียร์ส - นิวเจอร์ซี่ย์ เน็ตส์
07.30 น. ยูท่าห์ แจ๊ซซ์ - ไมอามี่ ฮีต
08.00 น. นิวยอร์ค นิกส์ - มิลวอล์กกี้ บักส์
08.00 น. ลอสแองเจลิส คลิปเปอร์ส - นิวออร์ลีนส์ ฮอร์เนตส์
10.00 น. ดีทรอยท์ พิสตันส์ - ปอร์ตแลนด์ เทรลเบลเซอร์ส
10.30 น. มินเนโซต้า ทิมเบอร์วูล์ฟส์ - ลอสแองเจลิส เลเกอร์ส

ในประเทศ

ฟุตบอล โตโยต้า ลีก คัพ 2010 รอบก่อนรองชนะเลิศ นัดสอง
- ที่สนาม เทศบาลตำบลหนองปรือ
18.00 น. พัทยา ยูไนเต็ด - โอสถสภา เอ็ม-150 สระบุรี

ฟุตซอลเอสแบค ฟุตซอลนักเรียนคัพ ครั้งที่ 5 ที่ โรงเรียนสยามบริหารธุรกิจ นนทบุรี เวลา 10.00 น.
เทนนิส "ช้าง ไอทีเอฟ ไทยแลนด์ โปรเซอร์กิต 2010 เอฟ 5" ที่ สนามเทนนิสศรีชาพันธุ์ จ.ขอนแก่น

บาสเกตบอลอัสสัมชัญ อินวิเตชั่น ที่ โรงเรียนอัสสัมชัญบางรัก เวลา 14.00 น.

บาสเกตบอลสถาปนาโรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัย ครบรอบ 100 ปี ที่ โรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัย เวลา 14.00 น.

18.30 น. มวยไทย ศึก ส.สมหมาย เวทีราชดำเนิน

ไก่สุดเซ็งนำได้2นาทีโดนเจ๊า กียานแสบ!ยิงให้แมวดำตี1-1


ไก่สุดเซ็งนำได้2นาทีโดนเจ๊า กียานแสบ!ยิงให้แมวดำตี1-1

"ไก่เดือยทอง" ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ เปิดรังทำได้แค่เสมอกับ "แมวดำ" ซันเดอร์แลนด์ ไป 1-1 ฟาร์ท ยิงขึ้นนำได้แค่ 2 นาที โดน กียาน ตามตีเสมอทันควัน ศึกพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ นัดกลางสัปดาห์

ฟุตบอลพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ นัดกลางสัปดาห์ แข่งขันประจำวันอังคารที่ 9 พฤศจิกายน 2553 เป็นการพบกันระหว่าง "ไก่เดือยทอง" ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ทีมอันดับ 7 ของตาราง มี 15 คะแนน เปิดรังไวท์ ฮาร์ท เลน รับการมาเยือนของ "แมวดำ" ซันเดอร์แลนด์ ทีมอันดับ 8 ของตารางที่มีแต้มเท่ากัน แต่ประตูได้เสียแย่กว่าเจ้าถิ่น

เปิดฉากเริ่มเกม สเปอร์ส เจ้าถิ่น บุกจากซ้ายไปขวา ได้โอกาสลุ้นก่อนทันที ในนาทีที่ 3 จากจังหวะขลุกขลิกหน้าปากประตู ซันเดอร์แลนด์ เบาเดอไวน์ เซนเด้น โหม่งเคลียร์บอลไม่ขาด ลูก้า โมดริช เก็บบอลได้จากหน้าเขตโทษซัดไปติดเซฟ เคร็ก กอร์ดอน โกลทีมเยือน

น.10 ทีมเยืนเริ่มจำจังหวะเกมได้ ได้โอกาสรุกตอบโต้บ้าง จากจังหวะที่ เบาเดอไวน์ เซนเด้น หลุดไปถึงสุดเส้นฝั่งซ้าย เปิดตบกลับเข้ามาให้ คีแรน ริชาร์ดสัน วิ่งเข้ามาซัดด้วยซ้ายเต็มๆ บอลแฉลบ ยูเนส กาบุล ออกหลัง

น.18 สเปอร์ส เกือบที่จะได้ประตูออกนำ จากลูกเตะมุมทางฝั่งซ้าย แกเร็ธ เบล เปิดเข้ามาลุ้นโดน แอนทอน เฟอร์ดินานด์ สกัดออกมาตกอยู่หน้าเขตโทษ ทอม ฮัดเดิลสตัน ยิงสวนทันที บอลพุ่งชนคานอย่างจัง

น.29 เกมเริ่มเร็วขึ้นตามลำดับ โดยเฉพาะเจ้าถิ่นที่เริ่มเร่งเกมบุกเข้าใส่อย่างหนัก ได้โอกาสลุ้นอีกครั้ง เมื่อ ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท เก็บบอลตรงหน้าเขตโทษ ก่อนพลิกยิงด้วยซ้าย บอลข้ามคาน

น.34 เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ สเปอร์ส เกือบได้ประตูขึ้นนำ จากจังหวะที่ ฟาน เดอร์ ฟาร์ท ทำชิ่ง 1-2 กับ ทอม ฮัดเดิลสตัน หลุดเข้าเขตโทษฝั่งขวา ก่อนซัดมุมแคบ ยังติดเซฟ เคร็ก กอร์ดอน ทุบทิ้งออกหลังไป

น.38 ไม่ใช่แค่ตั้งรับอย่างเดียว ซันเดอร์แลนด์ ยังเดินเครื่องโต้กลับให้ได้ลุ้นอยู่บ้าง เบาเดอไวน์ เซนเด้น ขึ้นเกมทางริมเส้นฝั่งซ้าย เปิดเข้ากลาง อซาโมอาห์ กียาน โถมตัวเข้าโหม่งถึงบอลก่อนกองหลัง สเปอร์ส บอลเข้ามือ เอเรลโญ่ โกเมส

จบครึ่งแรก สปอร์ส กับ ซันเดอร์แลนด์ ยังเสมอกันอยู 0-0

ครึ่งหลัง ทั้งสองทีมมีการเปลี่ยนแปลงตัวผู้เล่น ฝั่งเจ้าถิ่น ส่ง ปีเตอร์ เคร้าช์ ลงสนามมาแทน โรมัน พาฟลิวเชนโก้ ส่วน ซันเดอร์แลนด์ ส่งกองหน้าอย่าง แดนนี่ เวลเบ็ค ลงมาแทน คริสเตียน ริเวอรอส

น.52 ยังเป็นโอกาสลุ้นของ สเปอร์ส ลูกครอสจากริมเส้นฝั่งขวาของ อลัน ฮัตตัน เปิดเข้ากลางให้ ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท โฉบเข้ามาโหม่ง บอลเฉียดเสาสองไปอย่างน่าเสียดาย

น.58 เจ้าถิ่นยังสร้างความกดดันให้แผงหลังทีมแมวดำได้ปั่นป่วนอยู่เรื่อยๆ ได้โอกาสอีกครั้งจากลูกเตะมุมที่ ลูก้า โมดริช เปิดจากมุมธงฝั่งซ้าย ฟาน เดอร์ ฟาร์ท โฉบถึงบอลก่อนใคร โหม่งกดลงพื้น เคร็ก กอร์ดอน ผวาปัดออกไปหวุดหวิด

น.65 ในที่สุดพลพรรค "ไก่เดือยทอง" ก็ได้ประตูขึ้นนำสำเร็จ จากจังหวะที่ แกเร็ธ เบล เปิดบอลโด่งจากฝั่งซ้ายข้ามไปให้ ปีเตอร์ เคร้าช์ ทางเสาสองโหม่งชงเข้ากลางให้ ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท เก็บบอล 1 จังหวะก่อนพลิกตัวยิงด้วยซ้ายเสียบตาข่ายให้ สเปอร์ส ออกนำ 1-0

น.67 ไม่กี่อึดใจ เพียงนาทีเศษที่เจ้าถิ่นได้ดีใจ กลับต้องมาเสียประตูตีเสมอให้ ซันเดอร์แลนด์ กลับมาเป็น 1-1 จากจังหวะที่ แดนนี่ เวลเบ็ค พาบอลเข้าเขตโทษ แตะจ่ายต่อให้เพื่อนเหมือนจะเบาเกินไปแล้ว แต่คู่เซ็นเตอร์ของเจ้าถิ่นเกี่ยงกันเล่น บอลเลยไปถึง อซาโมอาห์ กียาน รับส้มหล่นแปผ่านตัว เอเรลโญ่ โกเมส เข้าไป

น.85 เข้าสู่ช่วงท้ายเกม สเปอร์ส บุกหนักหวังเอาประตูชัย เดวิด เบนท์ลี่ย์ เก็บบอลได้ตรงหน้าเขตโทษ ก่อนสับไกด้วยซ้าย บอลโด่งข้ามคาน

จบเกม 90 นาที สเปอร์ส เปิดบ้านเสมอกับ ซันเดอร์แลนด์ 1-1 ขยับรั้งอันดับ 6 มี 16 คะแนน ส่วน "แมวดำ" ขยับขึ้นมา 1 อันดับเช่นกัน รั้งอันดับ 7 มี 16 แต้มเท่ากัน

รายชื่อผู้เล่น สเปอร์ส
เอเรลโญ่ โกเมส - อลัน ฮัตตัน, วิลเลียม กัลลาส, ยูเนส กาบุล, เบอนัวต์ อัสซู-เอก็อตโต้ - เดวิด เบนท์ลี่ย์, ทอม ฮัดเดิลสตัน, ลูก้า โมดริช, แกเร็ธ เบล - ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท - โรมัน พาฟลิวเชนโก้ (ปีเตอร์ เคร้าช์ 46)
สำรองไม่ได้ใช้
คาร์โล คูดิชินี่ - วิลสัน ปาลาซิออส, เวดราน ชอร์ลูก้า, เซบาสเตียน บาสซง, เจอร์เมน จีนาส, นิโก้ ครานชาร์

รายชื่อผู้เล่น ซันเดอร์แลนด์
เคร็ก กอร์ดอน - เนดุม โอนูโอฮา, ไมเคิ่ล เทอร์เนอร์, ไตตรัส บรามเบิ้ล, แอนทอน เฟอร์ดินานด์ (ฟิล บาร์ดสลี่ย์ 18) - คริสเตียน ริเวอรอส (แดนนี่ เวลเบ็ค 46), จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ลี แคตเทอร์โมล, คีแรน ริชาร์ดสัน (สตีด มาลบร็องก์ 86) - เบาเดอไวน์ เซนเด้น - อซาโมอาห์ กียาน
สำรองไม่ได้ใช้
ซิมง มินโญเล่ต์ - มาร์กอส อันเจเลรี่, เปาโล ดา ซิลวา, อาเหม็ด เอล-มูฮามมาดี้

ผลฟุตบอลพรีเมียร์ ลีก อีก 1 คู่
สโต๊ค ซิตี้ 3-2 เบอร์มิงแฮม ซิตี้

ไทยบ้อท่าทำได้แค่เจ๊า1-1 หมดปัญญายิงโอมานสิบตัว


ไทย กระสุนฝืดทำได้แค่เสมอ โอมาน ที่เล่นสิบคนตั้งแต่นาทีที่ 20 โดยได้ประตูนำก่อนจากการทำเข้าประตูตัวเองของ อัลซาตี้ เอเมอร์ ก่อนโดนซัดฟรีคิกตีเสมอช่วงทดเจ็บครึ่งแรก ครึ่งหลังลุยแหลกแต่เจาะไม่เข้า เก็บเพิ่มได้แค่แต้มเดียว ยังรั้งจ่าฝูงของ กลุ่มเอฟ ต่อไป

การแข่งขันฟุตบอลเอเชี่ยนเกมส์ที่ประเทศจีน ทีมชาติไทย มีคิวลงสนามนัดที่สองของกลุ่มเอฟ พบกับ ทีมชาติโอมาน โดยผลงานของทั้งสองทีมในนัดแรกสามารถเก็บชัยชนะได้ทั้งคู่ โดยไทย ถล่ม ปากีสถาน มาถึง 6-0 ส่วนโอมาน ถล่ม มัลดีฟส์ 3-0
นัดนี้ไทยเปลี่ยนแปลงผู้เล่นจากนัดแรกตำแหน่งเดียวโดยได้ "เจ้าโอ๊ต" ณัฐพร พันธุ์ฤทธิ์ กลับมาลงสนามเเละสวมปลอกแขนกัปตันทีมอีกครั้งหลังหายจากอาการบาดเจ็บ โดยลงเล่นแทน พลวัฒน์ วังฆะฮาด ซึ่งเลื่อนมายืนเซ็นเตอร์คู่กับ ภานุพงษ์ วงศ์ษา เเละขยับ สุทธินันท์ พุกหอม ไปเล่นเป็นเเบ็กขวา ส่วนตำแหน่งอื่นเหมือนนัดแรกหมด

เริ่มเกมเป็นโอมาน ที่เปิดเกมบุกใส่ไทยก่อน ไทยโดนบีบให้ถอยมาตั้งรับ ช่วง 10 นาทีแรกเป็นโอมานที่ครองบอลมากกว่าไทยชัดเจน แต่จังหวะที่จะพาบอลเข้ามาในเขตอันตรายยังมีไม่มากนัก ส่วนไทยก็มีโอกาสจากการยิงฟรีคิกของ วิชะยา เดชมิตร แต่ไม่สามารถเปลี่ยนเป็นประตูได้ทำให้สกอร์ยังไม่ขยับ

นาทีที่ 20 เกิดจุดเปลี่ยนสำคัญเมื่อ จาเบอร์ โมฮัมเหม็ด กัปตันทีมโอมานทำฟาวล์ อนาวิน จูจีน จากจังหวะเกือบจะหลุดเดี่ยวทำให้กรรมการชักใบแดงไล่ออกจากสนามทันที โดยจังหวะนี้ผู้เล่นโอมานพยายามประท้วงแต่เหตุการณ์ก็ไม่บานปลาย ทั้งสองทีมกลับมาเล่นกันต่อ และไทยได้ลูกฟรีคิกระยะ 25 หลา ดัสกร ทองเหลา ยิงไปติดกำแพงก่อนจะมาเข้าทางเจ้าตัวอีกครั้งคราวนี้ยิงสวนด้วยซ้ายข้ามคานไปไกล

จากนั้นไทยที่ได้เปรียบตัวผู้เล่นพยายามบุกกดดันโอมานอย่างหนัก และในนาทีที่ 30 ก็เกือบได้ประตูอีกครั้งจากจังหวะที่ ธีรศิลป์ แดงดา ทำชิ่งกับเพื่อนร่วมทีม ก่อนที่จะหลุดไปในกรอบเขตโทษ โดยยิงไปติดกองหลังจังหวะแรกก่อนที่จะมาเข้าทางอีกครั้ง คราวนี้เจ้าตัวยิงหลุดออกเสาไปอย่างน่าเสียดาย

ไทยยังกดดันอย่างต่อเนื่องนาทีที่ 31 วิชะยา เดชมิตร หลุดขึ้นมาทางริมเส้นด้านซ้ายก่อนที่จะเปิดไปกลางประตู แต่ถูกกองหลังสกัดออกหลังไปก่อนที่ กีรติ เขียวสมบัติ จะเข้าชาร์จถึง ถัดมาอีกนาทีเดียว โอมานโต้ขึ้นมาบ้าง และได้จบด้วยจังหวะยิงไกลหน้ากรอบเขตโทษแต่ติดกองหลังไทย

นาทีที่ 36 ไทยทิ้งโอกาสขึ้นนำไปอีกครั้งคราวนี้ ดัสกร ทองเหลา ทำชิ่งกับ วิชะยา เดชมิตร ก่อนที่ วิชะยา จะเปิดไปให้ กีรติ เขียวสมบัติ ได้โหม่งแต่โดนไม่ดีถากเสาไปอย่างน่าเสียดาย ถัดมาอีก 2 นาที ดัสกร ทองเหลา มีโอกาสบวกสกอร์ให้ไทยอีกครั้งจากจังหวะที่ ธีรศิลป์ แดงดา จ่ายให้ อนาวิน จูจีน หลุดไปสุดเส้นก่อนเปิดเข้ามาให้ ดัสกร ได้ยิงแต่ข้ามคานไปอีก

หลังจากที่บุกอยู่นานนาทีที่ 44 ไทยก็ได้ประตูขึ้นนำจนได้จากจังหวะที่ อนาวิน จูจีน หลุดไปสุดเส้นด้านขวาก่อนเปิดมาให้ ดัสกร ทองเหลา ชาร์จบอลกระดอนถูก อัลซาตี้ เอเมอร์ ผู้เล่นโอมานสกัดเข้าประตูตัวเองให้ ทีมชาติไทย ออกนำ ทีมชาติโอมานไปก่อน 1-0

ไทยดีใจได้ไม่นานช่วงทดเวลาบาดเจ็บก็มาเสียประตูตีเสมอให้โอมานจนได้ จากจังหวะที่โดนสวนกลับ ภาณุพงษ์ วงศ์ษา ทำฟาวล์หน้าเขตโทษ ก่อนเสียฟรีคิกและเป็น มุกไฮนี่ อัล มัวร์ ปั่นโค้งข้ามกำแพงเข้าประตูไปอย่างสวยงาม โดยจังหวะนี้ กวิน ธรรมสัจจานันท์ ได้แต่เซฟด้วยสายตา จากนั้นกรรมการก็เป่านกหวีดหมดครึ่งเวลาแรก ทีมชาติไทย เสมอกับ ทีมชาติโอมาน อยู่ 1-1

เริ่มครึ่งหลังมาได้แค่นาทีเดียว ไทยเกือบได้ประตูจากจังหวะที่ ธีราธร บุญมาทัน แบ็กซ้ายเติมขึ้นมาจากด้านซ้ายก่อนเปิดมาหน้าประตู กีรติ เขียวสมบัติ พุ่งโหม่งแต่หลุดเสาออกไปอย่างน่าเสียดาย จากนั้นไทยก็ยังคงบุกอย่างหนัก และนาทีที่ 53 ก็เกือบทำประตูได้อีกครั้งจากจังหวะที่ ธีรศิลป์ แดงดา จ่ายให้ อนาวิน จูจีน ได้ยิงในกรอบเขตโทษแต่ผู้รักษาประตูโอมานปัดออกไปได้

นาทีที่ 55 ยังเป็นโอกาสของไทยจากจังหวะที่ ดัสกร ทองเหลา โดนทำฟาวล์หน้าเขตโทษได้ฟรีคิกระยะ 20 หลาและเป็น วิชะยา เดชมิตร รับหน้าที่ยิงแต่ไปติดกำแพง ถัดมาอีก 2 นาทีไทยได้ลุ้นจากลูกฟรีคิกอีกครั้ง และเป็น วิชะยา เดชมิตร คนเดิม ซึ่งคราวเจ้าตัวเลือกเปิดไปหน้าประตูแต่โดนกองหลังโอมานสกัดก่อนที่ กีรติ เขียวสมบัติ จะเข้าถึง

เกมดำเนินมาถึงนาทีที่ 61 โอมานต้องเปลี่ยนตัวผู้เล่นหลังจากที่ ไบ ฟาร์ด้า ได้รับบาดเจ็บจนเล่นต่อไม่ไหวโดย บามาซิลา บาด้า ลงมาเล่นแทน และนาทีที่ 63 โอมานเกือบได้ประตูขึ้นนำจากจังหวะโต้กลับโดย วาลีส แอ็บดาร่า มีโอกาสหลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษไทย ก่อนที่จะดีดด้วยขวาหลุดเสาสองไปอย่างน่าเสียดาย

ไทยพลาดโอกาสได้ประตูอย่างสุดๆ ในนาทีที่ 66 จากจังหวะที่ ธีรศิลป์ แดงดา โชว์ความสุดยอดพลิกบอลแหวกผู้เล่นโอมาน ก่อนสับไกลทันทีบอลพุ่งไปชนคานอย่างจัง ถัดมาอีก 2 นาที โอมานมีโอกาสบ้างจากจังหวะโต้กลับ ก่อนที่จะได้ฟรีคิกบริเวณริมเส้นด้านขวาและเป็น โมฮัมเหม็ด ซารีบ รับหน้าที่ยิงแต่ กวิน ธรรมสัจจานันท์ ยังรับไว้ได้

นาทีที่ 70 ไทยทิ้งโอกาสขึ้นนำอีกครั้ง เมื่อ ธีราทร บุญมาทัน เปิดบอลจากริมเส้นด้านซ้ายมาถึง ดัสกร ทองเหลา ที่ยืนอยู่คนเดียวได้โหม่ง แต่เจ้าโก้กลับโขกออกไปอย่างน่าเสียดาย ถัดมาอีกนาทีเดียว ธีรศิลป์ แดงดา ได้สับไกอีกครั้งหลังจากที่ อนาวิน จูจีน จ่ายมาให้แต่คราวนี้ข้ามคานไป

ไทยอยู่เฉยไม่ได้จัดการเปลี่ยนผู้เล่นทีเดียวสองคนรวด โดยส่ง คัพฟ้า บุญมาตุ่น กับ นฤพล อารมณ์สวะ ลงมาแทน ภูริทัต จาริกานนท์ กับ วิชะยา เดชมิตร และนาทีที่ 79 ก็มีโอกาสจากจังหวะที่ สุทธินันท์ พุกหอม เปิดบอลจากฝั่งขวามากลางประตูแต่จังหวะสุดท้ายโดนผู้เล่นโอมานสกัดไปได้ก่อนที่จะมีผู้เล่นไทยเข้าชาร์จถึง

ช่วงท้ายเกมไทยส่งตัวสำรองคนสุดท้ายอย่าง จักรพันธ์ พรใส ลงมาเล่นแทน ดัสกร ทองเหลา จากนั้นก็กลับมาเร่งเกมเพื่อทำประตูชัยให้ได้ ส่วนโอมานก็เหมือนจะพอใจผลเสมอพยายามเล่นช้า โดยทีมชาติไทยพยายามบุกอย่างหนัก แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่สามารถทำประตูได้ ทำให้จบเกม ทีมชาติไทย ทำได้แค่เสมอกับ ทีมชาติโอมาน 0-0

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
ทีมชาติไทย : กวิน ธรรมสัจจานันท์ (GK), สุทธินันท์ พุกหอม , ธีราธร บุญมาทัน, ณัฐพร พันธุ์ฤทธิ์, ภาณุพงษ์ วงศ์ษา, วิชะยา เดชมิตร, อนาวิน จูจีน, ดัสกร ทองเหลา (C), ภูริทัต จาริกานนท์, กีรติ เขียวสมบัติ, ธีรศิลป์ แดงดา

ทีมชาติโอมาน : อัลซาบี โมนาส(GK), จาเบอร์ โมฮัมเหม็ด, อิสซ่า มูฮีบ, นาซีบ เออมาน, วาลีส แอ็บดาร่า, มุกไฮนี่ อัล มัวร์, โมฮัมเหม็ด ซารีบ, อัลกีลานี่, อัลลาไจบี บาซิม, อัลซาตี้ เอเมอร์, ไบ ฟาร์ด้า

วันจันทร์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

โปรแกรมกีฬา วันที่ 08 / 11 / 2553


ต่างประเทศ

ฟุตบอล ลา ลีกา สเปน
03.30 น. เซบีย่า - บาเลนเซีย

ฟุตบอล ลีกาสอง เยอรมัน
02.15 น. ออสนาบรุ๊ค - คาร์ลสรูห์

ฟุตบอล ลีก เดอซ์ ฝรั่งเศส
02.30 น. ตูร์ - บูโลญจน์

ฟุตบอล ซูเปอร์ลีก โปรตุเกส
02.45 น. สปอร์ติ้ง ลิสบอน - วิตอเรีย กิมาไรซ์

ฟุตบอล ซูเปอร์ลีก เดนมาร์ก
01.00 น. โอเดนเซ่ - แรนเดอร์ส

ฟุตบอลชาย เอเชียนเกมส์ 2010 ที่เมืองกวางโจว ประเทศจีน
กลุ่ม เอ
15.00 น. มาเลเซีย - คีร์กีซสถาน
18.00 น. จีน - ญี่ปุ่น

กลุ่ม บี
15.00 น. เวียดนาม - บาห์เรน
18.00 น. อิหร่าน - เติร์กเมนิสถาน

กลุ่ม ซี
15.00 น. เกาหลีใต้ - เกาหลีเหนือ
18.00 น. ปาเลสไตน์ - จอร์แดน

เทนนิส เอทีพี ทัวร์ บีเอ็นพี ปารีบาส มาสเตอร์ส ที่ปารีส ประเทศฝรั่งเศส
ประเภทชายเดี่ยว รอบแรก
ซาวิเย่ร์ มาลิส (เบลเยียม) - ยาร์คโค่ นีมิเน่น (ฟินแลนด์)
เดนิส อิสโตมิน (อุซเบกิสถาน) - เบนจามิน เบ็คเกอร์ (เยอรมัน)
อาร์โนด์ เคลม็องต์ (ฝรั่งเศส) - เฟลิเซียโน่ โลเปซ (สเปน)
มิชาเอล แบร์เรอร์ (เยอรมัน) - ฟาบิโอ ฟอจนินี่ (อิตาลี)
โปติโต้ สตาราเซ่ (อิตาลี) - มิชาเอล โลดร้า (ฝรั่งเศส)
ไมเคิ่ล รัสเซลล์ (สหรัฐอเมริกา) - ราเด็ค สเตปาเน็ค (สาธารณรัฐเช็ก)
ธีเอโม่ เดอ บัคเกอร์ (เนเธอร์แลนด์) - ซานติอาโก กีรัลโด้ (โคลอมเบีย)
นิโกลัส มาอูต์ (ฝรั่งเศส) - ริชาร์ด กาสเก้ต์ (ฝรั่งเศส)
สตานิสลาส วาวรินก้า (สวิตเซอร์แลนด์) - โจเซอแล็ง อูอ็องน่า (ฝรั่งเศส)

อเมริกันฟุตบอล เอ็นเอฟแอล ฤดูกาล 2010/2011 ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ตามเวลาประเทศไทย
08.20 น. ดัลลัส คาวบอยส์ - กรีนเบย์ แพ็คเกอร์ส

บาสเกตบอล เอ็นบีเอ ฤดูกาล 2010/2011 ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ตามเวลาประเทศไทย
00.00 น. ฟิลาเดลเฟีย เซเว่นตี้ซิกเซอร์ส - นิวยอร์ค นิกส์
05.00 น. ฟินิกซ์ ซันส์ - แอตแลนต้า ฮอว์กส์
06.00 น. โกลเด้น สเตท วอร์ริเออร์ส - ดีทรอยท์ พิสตันส์
07.00 น. มินเนโซต้า ทิมเบอร์วูล์ฟส์ - ฮุสตัน ร็อคเก็ตส์
07.00 น. บอสตัน เซลติกส์ - โอกลาโฮม่า ซิตี้ ธันเดอร์
09.30 น. พอร์ตแลนด์ เทรลเบลเซอร์ส - ลอสแองเจลิส เลเกอร์ส

ในประเทศ

ฟุตบอล โตโยต้า ลีก คัพ 2010 รอบก่อนรองชนะเลิศ นัดแรก
- ที่สนาม ศรีนครลำดวน
15.30 น. ศรีสะเกษ-เมืองไทย เอฟซี - บุรีรัมย์ พีอีเอ

ฟุตบอล โตโยต้า ลีก คัพ 2010 รอบก่อนรองชนะเลิศ นัดสอง
- ที่สนาม ลีโอ สเตเดี้ยม
19.00 น. บางกอกกล๊าส เอฟซี - ราชนาวี ระยอง

ฟุตบอล Thaiport Cup (U-19)
- ที่สนาม PAT Stadium
17:00 น. ทีทีเอ็ม เอฟซี พิจิตร - บีอีซี เทโรศาสน
19:00 น. การท่าเรือไทย เอฟซี - ทีโอที แคท เอฟซี

กอล์ฟสกินส์เกม "เวิลด์ กอล์ฟ ซาลูตส์ คิง ภูมิพล" ที่สนามอมตะ สปริง คันทรี คลับ จังหวัดชลบุรี เวลา 11.00 น.

บาสเกตบอลสถาปนาโรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัย ครบรอบ 100 ปี ที่โรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัย เวลา 14.00 น.

18.30 น. มวยไทย ศึกจ้าวเมืองชล เวทีราชดำเนิน

ตอร์เรสเบิ้ล!หงส์ขยี้สิงห์2-0 ปืนพัง!สาลิกาบุกคว้าชัย1-0


ตอร์เรสเบิ้ล!หงส์ขยี้สิงห์2-0 ปืนพัง!สาลิกาบุกคว้าชัย1-0

ตอร์เรส ซัด 2 ลูก พา "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล เปิดรังขยี้จ่าฝูง "สิงห์บูลส์" เชลซี ไป 2-0 พาทีมขยับมารั้งอันดับ 9 ส่วน "ปืนใหญ่" อาร์เซน่อล พลิกล็อคพ่ายให้ "สาลิกาดง" นิวคาสเซิ่ล คาถิ่น 0-1 ศึกพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ

ศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ คู่บิ๊กแมตซ์ประจำวันอาทิตย์ที่ 7 พฤศจิกายน 2553 "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล เปิดรัง แอนฟิลด์ ต้อนรับการมาเยือน "สิงห์บูลส์" เชลซี

ลิเวอร์พูล ของ รอย ฮ็อดจ์สัน ถือว่าผลงานดีขึ้นตามลำดับ โดยชนะมาตลอดใน 3 เกมหลังสุด วันนี้ทีม "หงส์แดง" ต้องลุ้นเช็กความฟิตของ เดิร์ก เค้าท์ ที่ตอนนี้ สามารถกลับมาซ้อมได้แล้ว หลังจากที่พักยาว ส่วนในรายอื่น ๆ ทั้ง โจ โคล, แดเนี่ยล แอ็กเกอร์ และ ฟาบิโอ ออเรลิโอ นั้นต่างบาดเจ็บด้วยกันทั้งหมด

ในขณะที่ตัวหลักรายอื่น ๆ นั้นยังอยู่กันครบครัน นำโดย สตีเว่น เจอร์ราร์ด ที่เพิ่งทำแฮตทริกจากเกมที่ชนะ นาโปลี มาเมื่อกลางสัปดาห์ และ เฟร์นานโด ตอร์เรส ดาวยิงตัวเก่ง ที่สภาพร่างกายค่อย ๆ กลับมาเข้าฝักเต็มที

ทีมจ่าฝูงจะยังคงไม่มี แฟร้งค์ แลมพาร์ด มิดฟิลด์ตัวเก่งลงสนามเช่นเคย เนื่องจากอาการบาดเจ็บที่โคนขาหนีบยังไม่หายดี แต่ก็ยังโชคดีที่ ฟลอร็องต์ มาลูด้า ปีกชาวฝรั่งเศส นั้นผ่านการทดสอบความฟิต ลงกระชากลากเลื้อยทางฝั่งซ้ายได้อย่างแน่นอน

ส่วนตำแหน่งอื่น ๆ ยังต้องเช็กฟิต มิชาเอล เอสเซียง เล็กน้อย เนื่องจากมีอาการเป็นไข้ เช่นเดียวกับ โชเซ่ โบซิงวา แต่ก็น่าจะพร้อมที่ให้ คาร์โล อันเชล็อตติ ใช้บริการ ส่วนแกนหลักในเกมรุกและรับต่างอยู่กันครบ ไม่ว่าจะเป็น ดิดิเยร์ ดร็อกบา, นิโกล่าส์ อเนลก้า และ จอห์น เทอร์รี่

เริ่มเกมมาเป็น เชลซี ที่ได้เขี่ยลูกเริ่มเล่นก่อนบุกจากซ้ายไปขวา และเป็น ทีมเยือน ที่ได้โอกาสบุกใส่ จากจัหวะที่ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ไปทำฟาวล์ใส่ ยูริ ชีร์คอฟ บริเวณกลางสนาม และเป็น ฟลอร็องต์ มาลูด้า เป็นฟรีคิกเข้าไป แต่ กองหลังลิเวอร์พูล ยังช่วยกันเคลียร์ออกมาได้

น. 10 สาวก เดอะ ค็อป ได้เฮลั่น เมื่อ เดิร์ค เค้าท์ เปิดบอลจากกลางสนามเข้าไปในกรอบเขตโทษ เฟร์นานโด ตอร์เรส ที่โดนกองหลังประกบติด แต่ก็ยังได้จับบอลก่อน 1 จังหวะที่จะแปสวนทาง ปีเตอร์ เช็ก ที่ออกมาปิดเสาแรกเข้าไปเป็นประตูขึ้นนำเร็ว 1-0

น. 20 แม้จะได้ประตูออกนำเร็ว แต่ว่าวันนี้ "หงส์แดง" มาแปลกยังคงเปิดเกมบุกใส่ "สิงห์บูลส์" อยู่ตลอด ผิดกับ 2-3 เกมที่ผ่านมา พยายามตั้งรับและรอสวนกลับตลอด และจังหวะนี้ เฟร์นานโด ตอร์เรส โหม่งเช็ดบอล ไปให้ มักซี่ โรดริเกซ ได้วอลเลย์ แต่บอลเหินข้ามคานไปไกล

น. 27 เชลซี เกือบที่จะเสียจุดโทษ เมื่อ จอห์น เทอร์รี่ เคลียร์บอลออกมาไม่ดีมาติดตัว ยูริ ชีร์คอฟ และพยายามกระโดดเตะบอลทิ้ง แต่บอลไปโดนมือตัวเอง ผู้ตัดสิน ไม่ได้ว่าอะไรให้เล่นต่อ ทำให้รอดเสียจุดโทษไป

น. 32 มาร์ติน เคลลี่ ได้บอลอยู่นอกกรอบเขตโทษฝั่งขวา ตัดสินใจเลี้ยงบอลตัดเข้ากลาง ก่อนที่จะยิงด้วยซ้ายเต็มแรงบอลพุ่งเข้าหาประตู แต่ยังดีที่ จอห์น เทอร์รี่ ยืนอยู่พอดีสกัดเอาไว้ได้ทัน

ช่วง 5 นาทีท้าย เกมเปิดแลกกันอย่างสนุกสุกมันส์ และ เจ้าบ้าน มาบวกประตูที่ 2 จากจังหวะที่ แอชลี่ย์ โคล เสียบอลกลางสนาม และโดน ราอูล ไมเรเลส ฉกบอลเลี้ยงขึ้นมาหน้ากรอบเขตโทษก่อนที่จะปาดออกทางซ้ายให้ เฟร์นานโด ตอร์เรส เลี้ยงเข้ามาข้างใน มี บรานิสลาฟ อิวาโนวิช ยืนบัง แต่ตัดสินใจยิงด้วยขวาบอลโค้งเสียบเสา 2 เข้าไปอย่างสวยงาม

หมดเวลาครึ่งแรก ลิเวอร์พูล ออกนำ เชลซี 2-0

ครึ่งหลัง คาร์โล อันเชล็อตติ กุนซือใหญ่ของ เชลซี ตัดสินใจส่ง ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา กองหน้าไอวอรี่ โคตส์ ลงสนามไปแทนที่ ซาลูมอง กาลู

น.47 เริ่มครึ่งหลังมาได้ไม่นาน เจ้าถิ่นยังดูคึกคักอยู่ไม่ต่างจากครึ่งแรก เปิดฉากแป๊บเดียว เจอร์ราร์ด จ่ายบอลให้ มักซี่ โรดริเกซ พลิกยิงตรงมุมเขตโทษฝั่งซ้าย บอลพุ่งจะเสียบเสาแรก ปีเตอร์ เช็ก ยังรับไว้ทัน

น.59 เชลซี เริ่มขึงเกมไว้ได้เกือบทั้งสนาม บีบให้เจ้าถิ่นถอยลงไปรับต่ำ จนกระทั่งได้ฟรีคิกระยะอันตรายในจังหวะที่ มาร์ติน สเคอร์เทล ไปทำฟาวล์ ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา แล้วเป็นเจ้าตัวลุกขึ้นมาปั่นด้วยขวา อ้อมกำแพง บอลพุ่งเฉียดเสาออกไปแบบได้ลุ้น

น.61 จังหวะเข้าทำของ เชลซี บุกหนักเป็นพายุ เกือบได้ประตูตีไข่แตก จากจังหวะที่ จอห์น เทอร์รี่ ทิ่มบอลให้ ยูริ ชีร์คอฟ หลุดเข้าเขตโทษ ก่อนซัดเต็มข้อด้วยซ้ายข้างถนัด บอลพุ่งเข้าเสาแรก โฆเซ่ เรน่า ยังไวปัดทิ้งได้พอดี

น.66 เชลซี บุกหนักพร้อมกับครอบครองบอลไว้เหนือกว่าเจ้าถิ่น หวุดหวิดได้ประตูตีไข่แตกหลายครั้ง ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา เปิดบอลจากริมเส้นฝั่งขวา บอลพุ่งเข้ากลาง ฟลอร็องต์ มาลูด้า เข้าชาร์จจ่อๆ โดน โฆเซ่ เรน่า ผวาปัดได้อย่างน่าเหลือเชื่อ

น.74 ลิเวอร์พูล เกือบได้ประตูที่ 3 เมื่อได้ลูกเตะมุม สตีเว่น เจอร์ราร์ด เปิดเข้ากลาง โดน ดร็อกบา โหม่งเคลียร์ออกมาเข้าทาง ไมเรเลส ยิงซ้ำเข้าไปแฉลบอีกครั้ง บอลเข้าทาง เดิร์ค เค้าท์ ตวัดยิงเข้าไปอีกที ปีเตอร์ เช็ก ใช้ปลายเท้าเซฟไว้ได้หวุดหวิด

จบ 90 นาที ลิเวอร์พูล เปิดบ้านเอาชนะ เชลซี ไป 2-0 กระโดดขึ้นมารั้งอันดับ 9 มี 15 คะแนน ตามหลัง เชลซี ที่ยังรั้งจ่าฝูง อยู่ 10 คะแนน

รายชื่อผู้เล่น ลิเวอร์พูล
โฆเซ่ เรน่า - มาร์ติน เคลลี่, เจมี่ คาร์ราเกอร์, มาร์ติน สเคอร์เทล, พอล คอนเชสกี้ - ลูคัส เลว่า, เดิร์ค เค้าท์ (จอนโจ เชลวี่ย์ 84), ราอูล ไมเรเลส (เจย์ สเพียริง 90), สตีเว่น เจอร์ราร์ด, มักซี่ โรดริเกซ - เฟร์นานโด ตอร์เรส (ดาวิด เอ็นก๊อก 88)
สำรองไม่ได้ใช้
มาร์ติน แฮนเซ่น - มิลาน โยวาโนวิช, แดนนี่ วิลสัน, คริสเตียน โพลเซ่น

รายชื่อผู้เล่น เชลซี
ปีเตอร์ เช็ก - บรานิสลาฟ อิวาโนวิช (โชเซ่ โบซิงวา 70), จอห์น เทอร์รี่, อเล็กซ์, แอชลี่ย์ โคล - จอน โอบี มิเคล, รามิเรส, ยูริ ชีร์คอฟ (แดนียล สเตอร์ริดจ์ 76) - ฟลอร็องต์ มาลูด้า, ซาลูมอง กาลู (ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา 46), นิโกล่าส์ อเนลก้า
สำรองไม่ได้ใช้
รอสส์ เทิร์นบูลล์ - เปาโล แฟร์เรยร่า, กาแอล กากูต้า, โจชัว แม็คเอ็คเรน

อาร์เซน่อล 0-1 นิวคาสเซิ่ล

ที่สนาม เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม "ปืนใหญ่" อาร์เซน่อล เปิดรัง รับการมาเยือนของ "สาลิกาดง" นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด

อาร์แซน เวนเกอร์ ผู้จัดการทีมมาดละเมียดของ "เดอะ กันเนอร์ส" เรียกกองกลางตัวสำคัญอย่าง เชส ฟาเบรกาส กลับคืนสู่ทีมอีกครั้ง หลังจากที่ได้พักไปเต็มๆ เมื่อเกมกลางสัปดาห์ที่ "ปืนใหญ่" พ่ายให้กับ ชัคเตอร์ ไป 2-1 ขณะที่ โธมัส แฟร์มาเล่น ปราการหลังตัวแกร่งชาวเบลเยียม ก็ใกล้ที่จะกลับมาฟิตสมบูรณ์เต็มทีแล้ว แต่ยังไม่พร้อมสำหรับเกมนี้

นอกจากนี้ ในส่วนของขุมกำลังอื่นๆ อย่าง อาบู ดิอาบี้ และ คีแรน กิ๊บบ์ส ยังมีปัญหาอาการบาดเจ็บรบกวนอยู่ ลงสนามช่วยทีมไม่ได้อย่างแน่นอน เช่นเดียวกับ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ที่แม้จะถูกเรียกติดทีมชาติฮอลแลนด์ ในนัดอุ่นเครื่องกับ ตุรกี ไปแล้ว แต่ เวนเกอร์ ยังไม่ส่งลงใช้งานในเวลานี้ เนื่องจากร่างกายยังไม่ฟิตเต็มถัง เป็นแค่ตัวสำรอง

ทางด้านทีมเยือน โซล แคมป์เบลล์ ปราการหลังตัวเก๋าชาวเมืองผู้ดี หมดสิทธิ์ลงสนามพบกับทีมอู่ข้าวอู่น้ำเก่าของตัวเองอย่างแน่นอน เนื่องจากมีปัญหาอาการบาดเจ็บต้นขารบกวนอยู่ ทำให้ ฟาบิโอ โกลอสชินี่ ได้ยืนจับคู่กับ ไมค์ วิลเลียมสัน ในตำแหน่งเซ็นเตอร์ฮาล์ฟเหมือนเดิม ขณะที่ สตีเว่น เทย์เลอร์ ยังไม่ฟิตพร้อมสำหรับเกมนี้ แม้จะหายเจ็บกลับมาแล้วก็ตาม

ในเกมนี้ คริสต์ ฮิวจ์ตัน กุนซือของทัพ "สาลิกาดง" ถือว่ามีขุมกำลังที่ค่อนข้างสมบูรณ์พร้อม โดยมีเพียง แดน กอสลิ่ง กับ ฮาเต็ม เบน อาร์กฟา เท่านั้นที่ต้องปิดเทอมพักยาว ขณะที่ในส่วนของแนวรุก แอนดี้ คาร์โรลล์ กับ โชล่า อเมโอบี้ จะได้ลงยืนเป็นศูนย์หน้าคู่ล่าตาข่ายเหมือนเดิม

เริ่มเกม อาร์เซน่อล เป็นฝั่งเขี่ยลูกเริ่มเล่นบุกจากซ้ายไปขวา และโอกาสแรกเป็นของ นิวคาสเซิ่ล ได้บอลทางซ้ายโดย โฮนาส กูเตียร์เรซ แทงบอลขนานเส้นขึ้นหน้าให้ โชล่า อเมโอบี้ วางเข้ามากลางประตูจะให้ แอนดี้ คาร์โรลล์ แต่ถูกกองหลัง "ปืนใหญ่" โขกสกัดออกมาได้

น. 12 เจ้าบ้านเกือบได้ประตูขึ้นนำ เมื่อ แจ็ค วิลเชียร์ โดนทำฟาวล์ "ปืนใหญ่" ได้ฟรีคิก และเป็น เชส ฟาเบรกาส รับหน้าที่ยิงปั่นเข้าไปกลางประตูบอลไปโดนคานเต็มๆ ก่อนจะออกหลังไป

เกมในช่วง 30 นาทีแรกเป็นทางเจ้าบ้าน อาร์เซน่อล ได้เปิดเกมบุกเข้าใส่มากกว่าแต่ก็ยังไม่สามารถทำประตูขึ้นนำ นิวคาสเซิล ได้

น. 38 เจ้าบ้านบุกหนักหวังทำประตูขึ้นนำให้ได้ แจ็ค วิลเชียร์ ไหลบอลเข้ามาให้ ซามีร์ นาสรี่ หน้ากรอบเขตโทษเลี้ยงเข้าไปในเขตโทษก่อนจ่ายออกทางขวาให้ เชส ฟาเบรกาส ยิงอัดเข้าแฉลบกองหลัง นิวคาสเซิ่ล ออกหลังไปและจากจังหวะได้ลูกเตะมุม ฟาเบรกาส ไม่เปิดเข้าไปเเต่กลับจ่ายย้อนหลังไปสั้นๆ ให้ วิลเชียร์ ทำชิ่งกันกับ ฟาเบรกาส ทางฝั่งขวา ก่อนไหลบอลเข้าไปในกรอบเขตโทษ ให้ ซามีร์ นาสรี่ ยิงเต็มข้อ แต่ ทิม ครูล โชว์ซุปเปอร์เซฟปัดออกหลังไป

น. 44 ทีมเยือนได้ประตูออกนำไปก่อนจากจังหวะได้ลูกฟรีคิกกลางสนาม โจอี้ บาร์ตัน โยนยาวเข้าไปในในกรอบเขตโทษ แอนดี้ คาร์โรลล์ วิ่งเข้าไปโขกได้ก่อน ลูคัส ฟาเบียนสกี้ ที่ออกมาจะชกบอลพลาด นิวคาสเซิ่ล ขึ้นนำ 1-0 อาร์เซน่อล กลับมาเขี่ยลูกเริ่มเล่นได้ไม่กี่นาที ไมค์ ดีน ก็เป่านกหวีดหมดเวลา

หมดครึ่งแรก อาร์เซน่อล โดน นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด นำ 0-1

เริ่มครึ่งหลังมาได้เเค่ 2 นาที เจ้าบ้านก็เกือบตีเสมอได้จากจังหวะที่ แจ็ค วิลเชียร์ ครองบอลหน้ากรอบเขตโทษก่อนจ่ายยัดเข้ามาให้ วัลค็อตต์ ได้ซัดด้วยเท้าขวาบอลไปชนคานอย่างน่าเสียดาย

อาร์เซน่อล บุกต่อเนื่องนาทีที่ 51 อเล็กซ์ ซง ได้เปิดบอลจากสุดเส้นหลังฝั่งขวามากลางประตูจะให้ มารูยาน ชามัคห์ กองหน้าเพื่อนร่วมทีมเล่น แต่ แดนนี่ ซิมป์สัน ยังอาศัยเหลี่ยมบอลที่ดีกว่าชิงสกัดบอลออกมาได้

น. 67 นิวคาสเซิ่ล ได้ลูกเตะมุมครั้งแรกในเกม โนแลน เปิดโค้งมากลางประตู อเล็กซ์ ซง โขกสกัดบอลไปเข้าทาง คาร์โรลล์ กดเต็มข้อแฉลบกองหลัง อาร์เซน่อล ข้ามคานออกหลังไป

น. 81 "ปืนใหญ่" ยังเปิดเกมบุกอย่างหนัก อาชาร์วิน เลี้ยงหลอกกองหลัง นิวคาสเซิ่ล ทางริ่มเส้นฝั่งซ้ายก่อนเปิดเข้ามาให้ เชส ฟาเบรกาส ในกรอบเขตโทษก้มตัวโขกบอลยังไปเข้ามือของ ทิม ครูล อยู่ดี

ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ "ปืนใหญ่" มาเหลือผู้เล่น 10 คนเมื่อ โลร็องต์ กอสเซียลนี่ มาโดนใบแดงไล่ออกจากสนามเพราะไปดึง นีล เรนเจอร์ ตัวสำรองของ นิวคาสเซิ่ล ที่หลุดเดี่ยวไปแล้วล้มลงไปและในช่วงเวลาที่เหลือ อาร์เซน่อล ก็ไม่สามารถทำประตูตีเสมอได้

จบเกม อาร์เซน่อล เปิดบ้านแพ้ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด 0-1

รายชื่อนักเตะของทั้ง 2 ทีม
อาร์เซน่อล : ระบบ 4-4-2
ลูคัส ฟาเบียนสกี้ (ผู้รักษาประตู) - บาการี่ ซานญ่า, เซบาสเตียง สกิลลาชี่, โลร็องต์ กอสเซียลนี่, กาแอล กลิชี่ - ธีโอ วัลค็อตต์, เชส ฟาเบรกาส, อเล็กซ์ ซง, ซามีร์ นาสรี่ (อังเดร อาชาร์วิน น. 56) - แจ็ค วิลเชียร์ (นิคลาส เบนท์เนอร์ น. 73), มารูยาน ชาร์มัค (โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ น. 58)

นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด : ระบบ 4-4-2
ทิม ครูล (ผู้รักษาประตู) - แดนนี่ ซิมพ์สัน, ฟาบริซิโอ โกลอชชินี่, ไมค์ วิลเลียมสัน, โฆเซ่ เอ็นริเก้ - เควิน โนแลน, โจอี้ บาร์ตัน, ชีค ติโอเต้, โฮนาส กูเตียร์เรซ - แอนดี้ คาร์โรลล์, โชล่า อเมโอบี้ (นีล เรนเจอร์ น. 82)

ผู้ทำตัดสิน: ไมค์ ดีน

ราชันยังแรงเปิดรังอัดหมี2-0ศึกมาดริดดาร์บี้แมตช์-รั้งฝูง


ราชันยังแรงเปิดรังอัดหมี2-0ศึกมาดริดดาร์บี้แมตช์-รั้งฝูง

"ดาร์บี้แมตช์" แห่งเมืองมาดริด "ราชันชุดขาว" เปิดรังเอาชนะ "ตราหมี" แอต.มาดริด ไปง่ายๆ 2-0 กลับขึ้นไปรั้งจ่าฝูงอีกครั้งศึก ลา ลีกา สเปน

ฟุตบอล ลา ลีกา สเปน แข่งขันประจำคืนวันอาทิตย์ที่ 7 พฤศจิกายน 2553 ในศึก "ดาร์บี้แมตช์" แห่งเมืองมาดริด เป็นการพบกันระหว่าง "ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด ทีมอันดับ 2 ของตาราง มี 23 แต้ม ตามหลัง บาร์เซโลน่า ที่เพิ่งแข่งจบไปก่อนหน้า 2 แต้ม เปิดสนาม ซานติอาโก้ เบร์นาเบว รับการมาเยือน "ตราหมี" แอตเลติโก มาดริด ทีมอันดับ 7 ของตาราง มีอยู่ 14 แต้ม

เริ่มเกม เป็นเจ้าถิ่น เรอัล มาดริด ที่เป็นฝ่ายบุกเข้าใส่ตั้งแต่ต้นเกม และสามารถส่งบอลไปซุกก้นตาข่ายได้สำเร็จ นาทีที่ 9 จังหวะฮาลืฟวอลเล่ย์ของ อังเคล ดิ มาเรีย โดน ดาบิด เด เกีย รับหลุด ซามี เคดิร่า ตามเข้าไปซ้ำตุงตาข่าย แต่ผู้ตัดสินเป่าเป็นลูกล้ำหน้าเสียก่อน

น.13 รออยู่ไม่นานกองเชียร์ "ราชันชุดขาว" ก็ได้เฮลั่นสนาม เมื่อพังประตูออกนำได้สำเร็จ จากจังหวะที่ อังเคล ดิ มาเรีย ทำชิ่งให้กับ ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ เซ็นเตอร์ฮาล์ฟที่เติมเกมขึ้นสูง หลุดเข้าเขตโทษ ยิงเข้าไปตุงตาข่ายให้ เรอัล นำ 1-0

น.19 เกมยังเป็นของเจ้าถิ่นที่ยังบุกต่อเนื่อง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ หลุดไปทางเขตโทษฝั่งขวาโดนเกี่ยวขาล้ม ผู้ตัดสินเป่าเป็นฟรีคิกเยื้องกรอบเขตโทษมาทางขวา เมซุต โอซิล เปิดด้วยซ้ายโค้งเข้าไปเสียบเสา 2 ชนิดที่ไม่มีผู้เล่นคนใดโดนบอล ทำให้สกอร์หนีไปเป็น 2-0

น.29 เรอัล มาดริด เริ่มเพลาเกมลงบ้าง แต่ก็มีลุ้นจากจังหวะกระชากโซโล่เดี่ยวเข้าไปยิงระยะกว่า 30 หลา ของ โรนัลโด้ แต่ก็เข้ามือ ดาบิด เด เกีย แล้ว แอต.มาดริด สวนเร็วทันที เซร์คิโอ อเกวโร่ หลุดไปถึงสุดเส้นฝั่งขวา เปิดเข้ากลางโดน อีเกร์ กาซียาส ปัดไม่ดี บอลมาเข้าทาง ดีเอโก้ ฟอร์ลัน ตวัดยิง 6 หลา บอลไปติดขา เซร์คิโอ รามอส ออกหลัง

น.36 แอต.มาดริด เริ่มได้ลุ้นบ้างเรื่อยๆ มีจังหวะหวาดเสียวจาก โฆเซ่ อันโตนิโอ เรเยส ที่ลากตัดจากริมเส้นฝั่งขวา หลบ มาร์เซโล่ แล้วซัดปั่นโค้งด้วยซ้าย บอลเกือบย้อยเสียบคาน อีเกร์ กาซียาส ลอยตัวปัดออกหลังหวุดหวิด

น.38 เกมเริ่มเพลาลงในช่วงท้ายครึ่งแรก เรอัล มาดริด ยังมีลุ้นอีกครั้ง บอลยาวจากกลางสนามเข้าเขตโทษทีมเยือน กองหลังโหม่งเคลียร์ตกอยู่หน้าเขตโทษ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ วิ่งเข้ามาซัดตูมเดียว บอลเหินข้ามคาน

จบครึ่งแรก เรอัล มาดริด นำ แอต.มาดริด 2-0

ครึ่งหลัง ยังไม่มีการเปลี่ยนตัวผู้เล่นทั้งสองทีม แต่ก็ยังเป็น เรอัล มาดริด เจ้าถิ่น ที่บุกและได้ลุ้นก่อน หลังเริ่มเกมมาได้แค่นาทีเศษๆ จังหวะที่ เมซุต โอซิล ตักบอลจากฝั่งซ้าย เข้ากลางให้ กอนซาโล่ อิกวาอิน วอลเล่ย์ด้วยซ้ายแบบไม่จับ บอลเฉียดเสาไปนิดเดียว

น.52 เรอัล มาดริด ได้ลุ้นอีกครั้งจากลูกฟรีคิกหน้าเขตโทษ ซึ่งเป็นระยะทำการของ โรนัลโด้ เจ้าตัววิ่งเข้ามาซัดทะลุกำแพง แต่บอลพุ่งเข้าไปตรงตัว ดาบิด เด เกีย รับไว้ไม่พลาด

น.61 แม้เจ้าถิ่นยังดูเหนือกว่าทุกขุมกำลัง แต่ว่า แอต.มาดริด ยังมีทีเด็ดทีขาดให้เห็นอยู่ ได้โอกาสลุ้นจากฟรีทางทางซ้าย ซิเมา ซาโบรซ่า เปิดเข้ากลาง โดน คาร์วัลโญ่ โหม่งเคลียร์ออกมาหน้าเขตโทษ ดีเอโก้ ฟอร์ลัน ยืนอยู่ตรงนั้นพอดี ฮาล์ฟวอลเล่ย์สวนทันที บอลพุ่งไปชนโคนเสาอย่างน่าเสียดาย

น.74 แอต.มาดริด ได้ลุ้นอีกครั้ง จากจังหวะที่ โฆเซ่ อันโตนิโอ เรเยส ลากตัดจากริมเส้นฝั่งขวา เข้าเขตโทษ กดด้วยซ้ายข้างถนัด บอลลอยโด่งข้ามคานไปอีกครั้ง และ เรอัล ส่ง คาริม เบนเซม่า ลงมาแทน กอนซาโล่ อิกวาอิน ในแดนหน้า

น.79 เจ้าถิ่นมาได้ฟรีคิกหน้าเขตโทษอีกครั้ง จากจังหวะที่ มาริโอ ซัวเรซ ไปทำฟาวล์ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ แล้วเป็นเจ้าโด้ ลุกขึ้นมากดเต็มหลังเท้า บอลพุ่งชนกำแพง กระดอนมาเข้าทางอีกครั้ง ซ้ำเข้าไปอีกทีก็ไม่เข้ากรอบ

จบเกม 90 นาที เรอัล มาดริด เปิดบ้านเอาชนะ แอต.มาดริด ในศึก "ดาร์บี้แมตช์" ไป 2-0 ทะยานขึ้นไปรั้งจ่าฝูงอีกครั้ง มี 26 คะแนน มากกว่า บาร์ซ่า 1 คะแนน ส่วน "ตราหมี" รั้งอันดับ 7 มี 14 คะแนนเท่าเดิม

รายชื่อผู้เล่น เรอัล มาดริด
อีเกร์ กาซียาส - เซร์คิโอ รามอส, เปเป้, ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ (ราอูล อัลบิโอล 83), มาร์เซโล่ - ชาบี อลอนโซ่, ซามี เคดิร่า - อังเคล ดิ มาเรีย (มาอามาดู ดิยาร์ร่า 83), เมซุต โอซิล, คริสเตียโน่ โรนัลโด้ - กอนซาโล่ อิกวาอิน (คาริม เบนเซม่า 74)
สำรองไม่ได้ใช้
อันโตนิโอ อาดาน - เซอร์คิโอ กานาเลส, เปโดร เลออน, อัลบาโร่ อาร์เบรัว

รายชื่อผู้เล่น แอต.มาดริด
ดาบิด เด เกีย - ฆวน บาเลร่า, โทมัส อูฟาลูซี่, อัลบาโร่ โดมิงเกซ, ฟิลิเป้ หลุยส์ - โฆเซ่ อันโตนิโอ เรเยส, เปาโล อัสซุนเซา, ติอาโก้ เมนเดส (ราอูล การ์เซีย 69), ซิเมา ซาโบรซ่า - เซร์คิโอ อเกวโร่ "กุน", ดีเอโก้ ฟอร์ลัน
สำรองไม่ได้ใช้
โจเอล โรเบลส - อันโตนิโอ โลเปซ, มาริโอ ซัวเรซ, อิ๊กนาซิโอ กามาโช่, ฟราน เมริด้า, ดิเอโก้ คอสต้า

วันเสาร์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

โปรแกรมกีฬา วันที่ 06 / 11 / 2553


ต่างประเทศ

ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
19.45 น. โบลตัน - สเปอร์ส
22.00 น. เบอร์มิงแฮม - เวสต์แฮม
22.00 น. แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส - วีแกน
22.00 น. แบล็คพูล - เอฟเวอร์ตัน
22.00 น. ฟูแล่ม - แอสตัน วิลล่า
22.00 น. แมนฯ ยูไนเต็ด - วูล์ฟแฮมป์ตัน
22.00 น. ซันเดอร์แลนด์ - สโต๊ค

ฟุตบอล เดอะ แชมเปี้ยนชิพ อังกฤษ
22.00 น. บาร์นส์ลี่ย์ - เลสเตอร์
22.00 น. บริสตอล ซิตี้ - เปรสตัน
22.00 น. โคเวนทรี - ลีดส์ ยูไนเต็ด
22.00 น. ดอนคาสเตอร์ - มิลล์วอลล์
22.00 น. ฮัลล์ - สคันธอร์ป
22.00 น. มิดเดิ้ลสโบรช์ - คริสตัล พาเลซ
22.00 น. นอริช - เบิร์นลี่ย์
22.00 น. ควีนสปาร์ค - เรดดิ้ง
22.00 น. เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด - อิปสวิช ทาวน์
22.00 น. วัตฟอร์ด - น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์
00.20 น. ดาร์บี้ - พอร์ทสมัธ

ฟุตบอล เอฟเอคัพ อังกฤษ รอบแรก
21.00 น. ฮาร์โรว์ โบโร่ - เชสเตอร์ฟิลด์
22.00 น. เอเอฟซี วิมเบิลดัน - เอ็บบ์สฟลีต
22.00 น. แอคคริงตัน - โอลด์แฮม
22.00 น. บาร์เน็ต - ชาร์ลตัน
22.00 น. บอร์นมัธ - ทรานเมียร์
22.00 น. เบรนท์ฟอร์ด - อัลเดอร์ช็อท
22.00 น. ไบรท์ตัน - ว็อคกิ้ง
22.00 น. บิวรี่ - เอ็กเซเตอร์
22.00 น. คาร์ไลส์ - ทิปตัน ทาวน์
22.00 น. เชล์มสฟอร์ด - เฮนดอน
22.00 น. เชลท์แน่ม - มอร์แคมบ์
22.00 น. โคลเชสเตอร์ - แบร็ดฟอร์ด
22.00 น. คอร์บี้ - ลูตัน ทาวน์
22.00 น. ดาเกนแน่ม - เลย์ตัน โอเรียนท์
22.00 น. ดาร์ลิงตัน - บริสตอล โรเวอร์ส
22.00 น. ดาร์ทฟอร์ด - พอร์ท เวล
22.00 น. ฟลีตวู้ด - วอลซอลล์
22.00 น. ฟอเรสต์ กรีน - นอร์ทแธมป์ตัน
22.00 น. จิลลิ่งแฮม - โดเวอร์
22.00 น. กุยเซลี่ย์ - ครอว์ลี่ย์ ทาวน์
22.00 น. ฮาร์ทลี่พูล - ว็อกซ์ฮอลล์
22.00 น. ฮาแวนท์ - ดรอยล์สเดน
22.00 น. เฮย์ส แอนด์ เยดดิ้ง - วีคอมบ์
22.00 น. เฮเรฟอร์ด - ไฮท์ ทาวน์
22.00 น. ลินคอล์น - นูเนียตัน
22.00 น. แม็คเคิ่ลสฟิลด์ - เซาธ์เอนด์
22.00 น. แมนส์ฟิลด์ - ทอร์คีย์
22.00 น. น็อตต์ส เคาน์ตี้ - เกทส์เฮด
22.00 น. พลีมัธ - สวินดอน
22.00 น. รัชเดน - โยวิล
22.00 น. ร็อตเธอร์แฮม - ยอร์ค ซิตี้
22.00 น. เซาธ์แฮมป์ตัน - ชรูว์สบิวรี่
22.00 น. สตีฟเนจ - มิลตัน คีนส์
22.00 น. สต็อคพอร์ท - ปีเตอร์โบโร่
22.00 น. สวินดอน ซูเปอร์มารีน - อีสต์วู้ด ทาวน์
22.00 น. แทมเวิร์ธ - ครูว์
00.30 น. เคมบริดจ์ - ฮัดเดอร์สฟิลด์

ฟุตบอล บุนเดสลีกา เยอรมัน
21.30 น. ฮัมบูร์ก - ฮอฟเฟ่นไฮม์
21.30 น. ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต - โวล์ฟสบวร์ก
21.30 น. เนิร์นแบร์ก - โคโลญจน์
21.30 น. มึนเช่นกลัดบัค - บาเยิร์น มิวนิค
21.30 น. ไฟร์บวร์ก - ไมนซ์ 05

ฟุตบอล ลีกาสอง เยอรมัน
19.00 น. เอาก์สบวร์ก - อาร์เมเนีย บีเลเฟลด์
19.00 น. ดุ๊ยส์บวร์ก - กรอยเธอร์ เฟือร์ธ

ฟุตบอล กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี
00.00 น. โบโลญญ่า - เลชเช่
02.45 น. อินเตอร์ มิลาน - เบรสชา

ฟุตบอล กัลโช่ เซเรีย บี อิตาลี
21.00 น. อัลบิโนเลฟเฟ่ - ซาสซูโอโล่
21.00 น. อัสโคลี่ - โนวาร่า
21.00 น. โครโตเน่ - เปสคาร่า
21.00 น. กรอสเซโต้ - โตริโน่
21.00 น. โมเดน่า - ลิวอร์โน่
21.00 น. ปาโดว่า - เอ็มโปลี
21.00 น. ปิอาเชนซ่า - วิเชนซ่า
21.00 น. วาเรเซ่ - ซิตตาเดลล่า
21.00 น. เซียน่า - โฟรซิโนเน่

ฟุตบอล ลา ลีกา สเปน
02.00 น. เรอัล โซเซียดาด - ราซิ่ง ซานตานเดร์
04.00 น. เอสปันญ่อล - มาลาก้า

ฟุตบอล อลิกันเต้ เซกุนด้า
22.00 น. นูมานเซีย - อัลกอร์กอน
00.00 น. กอร์โดบ้า - อวยส์ก้า
00.00 น. เคเรซ - เรเครอาติโบ อูเอลบา
00.00 น. คาร์ตาเยน่า - กรานาด้า
00.00 น. บาร์เซโลน่า เบ - บียาร์เรอัล เบ
00.00 น. ราโย บาเยกาโน่ - เรอัล บายาโดลิด
00.00 น. คิโรน่า - พอนเฟอร์ราดิน่า
00.00 น. ซาลามังก้า - อัลบาเซเต้

ฟุตบอล ลีก เอิง ฝรั่งเศส
01.00 น. อาร์กส์ - ก็อง
01.00 น. บอร์กโดซ์ - วาล็องเซียนส์
01.00 น. แซงต์ เอเตียน - ลอริยองต์
01.00 น. โซโชซ์ - โอแซร์
03.00 น. แรนส์ - โอลิมปิก ลียง

ฟุตบอล สกอตติช พรีเมียร์
22.00 น. กลาสโกว์ เซลติก - อเบอร์ดีน
22.00 น. ฮามิลตัน - ดันดี ยูไนเต็ด
22.00 น. อินเวอร์เนสส์ - มาเธอร์เวลล์
22.00 น. เซนต์ จอห์นสโตน - คิลมาร์น็อค

ฟุตบอล เอเรดิวิซี่ ฮอลแลนด์
00.45 น. ทเวนเต้ - เอ็กเซลเซอร์
01.45 น. โกรนิงเก้น - เอ็นเอซี เบรด้า
01.45 น. ฮีเรนวีน - ฮาราเคิ่ลส์
02.45 น. เดอ กราฟสคัพ - เอ็นอีซี ไนจ์เมเก้น

ฟุตบอล เอเอฟซี คัพ รอบชิงชนะเลิศ
22.30 น. อัล คาดเซีย (คูเวต) - อัล อิตติฮัด (ซีเรีย)

กอล์ฟ WGC-เอชเอสบีซี แชมเปี้ยนส์ ที่เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน

กอล์ฟ แอลพีจีเอ ทัวร์ มิซูโน่ คลาสสิก ที่ประเทศญี่ปุ่น

เทนนิส เอทีพี ทัวร์ สวิส อินดอร์ บาเซิ่ล ที่ เมืองบาเซิ่ล ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
ประเภทชายเดี่ยว รอบรองชนะเลิศ
วิคเตอร์ ทรอยกี้ (เซอร์เบีย) พบ โนวัค ยอโควิซ (เซอร์เบีย, มือ 2)
โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ (สวิตเซอร์แลนด์, มือ 1) พบ แอนดี้ ร็อดดิก (สหรัฐฯ, มือ 4)

เทนนิส เอทีพี ทัวร์ บาเลนเซีย โอเพ่น 500 ที่ เมืองบาเลนเซีย ประเทศสเปน
ประเภทชายเดี่ยว รอบรองชนะเลิศ
ดาวิด เฟร์เรร์ (สเปน, มือ 4) พบ โรบิน โซเดอร์ลิ่ง (สวีเดน, มือ 2)
มาร์เกล กราโนลเลอร์ส (สเปน) พบ กิลส์ ซิมง (ฝรั่งเศส)

เทนนิสหญิงเฟด คัพ กลุ่มเวิลด์ กรุ๊ป รอบชิงชนะเลิศ ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา
สหรัฐอเมริกา พบ อิตาลี
ประเภทหญิงเดี่ยว
โคโค่ วานเดเว็กห์ (สหรัฐฯ) พบ ฟรานเชสก้า สเคียโวเน่ (อิตาลี)
เบตานี่ แมตเทค (สหรัฐฯ) พบ ฟลาเวีย เพนเน็ตต้า (อิตาลี)


เทนนิส ดับเบิ้ลยูทีเอ ทัวร์ คอมมอนเวลธ์ แบงค์ ทัวร์นาเมนต์ ออฟ แชมเปี้ยนส์ ที่บาหลี ประเทศอินโดนีเซีย
ประเภทหญิงเดี่ยว รอบรองชนะเลิศ
คิมิโกะ ดาเตะ ครูม (ญี่ปุ่น) พบ อนา อีวาโนวิซ (เซอร์เบีย)
ดาเนียล่า ฮันตูโชว่า (สโลวาเกีย) พบ อลิซ่า เคลย์บาโนว่า (รัสเซีย)

วอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์โลก "เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ 2010" ที่ประเทศญี่ปุ่น

บาสเกตบอล เอ็นบีเอ ฤดูกาล 2010/2011 ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ตามเวลาประเทศไทย
07.00 น. นิวเจอร์ซี่ย์ เน็ตส์ - ออร์ลันโด้ เมจิก
07.00 น. คลีฟแลนด์ คาวาเลียร์ส - ฟิลาเดลเฟีย เซเว่นตี้ซิกเซอร์ส
07.00 น. มิลวอกี้ บักส์ - อินเดียน่า เพเซอร์ส
07.30 น. ชาร์ล็อตต์ ฮอร์เน็ตส์ - ดีทรอยท์ พิสตันส์
07.30 น. วอชิงตัน วิซาร์ดส์ - นิวยอร์ค นิกส์
08.00 น. ไมอามี่ ฮีต - นิวออร์ลีนส์ ฮอร์เน็ตส์
08.00 น. แอตแลนต้า ฮอว์คส์ - มินเนโซต้า ทิมเบอร์วูล์ฟส์
08.00 น. ชิคาโก้ บูลล์ส - บอสตัน เซลติกส์
10.00 น. เมมฟิส กริซลี่ย์ส - ฟินิกซ์ ซันส์
10.30 น. ยูท่าห์ แจ็ซซ์ - โกลเด้น สเตท วอร์ริเออร์ส
10.30 น. ลอสแอนเจลิส คลิปเปอร์ส - เดนเวอร์ นักเก็ตส์
10.30 น. โตรอนโต้ แร็ปเตอร์ส - ลอสแอนเจลิส เลเกอร์ส

รถสูตรหนึ่งฟอร์มูล่า วัน บราซิเลียน กรังด์ปรีซ์ รอบควอลิฟาย ที่เซา เปาโล ประเทศบราซิล

รถจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลก โมโต จีพี บาเลนเซีย กรังด์ปรีซ์ รอบควอลิฟาย ที่บาเลนเซีย ประเทศสเปน

ในประเทศ

ฟุตบอล โตโยต้า ลีก คัพ 2010 รอบก่อนรองชนะเลิศ นัดแรก
- ที่สนาม อบจ.สระบุรี
16.00 น. โอสถสภา เอ็ม-150 สระบุรี - พัทยา ยูไนเต็ด (NBT19)

ฟุตบอล เอไอเอส ลีกภูมิภาค ดิวิชั่น 2 รอบ แชมเปี้ยนส์ ลีก
- ที่สนาม เฉลิมพระเกียรติ บางมด
15.30 น. บางกอก เอฟซี - เอฟซี ภูเก็ต
- ที่สนาม กีฬา จ.ชัยนาท
15.30 น. ชัยนาท เอฟซี - ระยอง เอฟซี
- ที่สนาม ศุลกากร สมุทรปราการ
15.30 น. สมุทรปราการ เอฟซี - เลย ซิตี้

ฟุตบอล วิชั่นชลบุรี
- ที่สนาม เทศบาลเกาะจันทร์
16.00 น. เกาะจันทร์ เคาน์ตี้ - อัสสัม โนวาส
- ที่สนาม สพล.ชลบุรี
16.00 น. ไอพีอี ชลบุรี - ชลชาย วันเดอเรอร์ส

ฟุตซอลเอสแบค ฟุตซอลนักเรียน คัพ ครั้งที่ 5 ที่โรงเรียนสยามบริหารธุรกิจ นนทบุรี เวลา 10.00 น.

เทนนิส เฮด แอลทีเอที ไอทีเอฟ จูเนียร์ เกรด 4 รอบชิงชนะเลิศ ที่ศูนย์พัฒนากีฬาเทนนิสแห่งชาติ เมืองทองธานี เวลา 09.00 น.

บาสเกตบอลอัสสัมชัญ อินวิเตชั่น ที่โรงเรียนอัสสัมชัญ บางรัก เวลา 10.00 น.

ยิมนาสติกศิลป์ชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย ที่ห้างสรรพสินค้า แฟชั่นไอส์แลนด์ เวลา 13.00 น.

12.15 น. มวยไทย ศึกจ้าวมวยไทย เวทีอ้อมน้อย
17.00 น. มวยไทย ศึกเกียรติเพชร เวทีลุมพินี
20.30 น. มวยไทย ศึกลุมพินีเกริกไกร เวทีลุมพินี