วันจันทร์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ปืนยิงเรือ10ตัวสลุต3-0 พุ่งรั้งรองฝูงพรีเมียร์ลีก


ปืนยิงเรือ10ตัวสลุต3-0 พุ่งรั้งรองฝูงพรีเมียร์ลีก

"ปืนใหญ่" อาร์เซน่อล บุกไปถล่ม "เรือใบสีฟ้า" แมนฯ ซิตี้ 10 ตัว คารัง 3-0 นาสรี่, ซง และ เบนท์เนอร์ ช่วยกันซัด เก็บ 3 แต้มนอกบ้าน ขึ้นรั้งรองจ่าฝูง โดยมีประตูได้เสียดีกว่า แมนฯ ยูฯ และ แมนฯ ซิตี้ เกม ซุปเปอร์ซันเดย์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ

การแข่งขันฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดซุปเปอร์ซันเดย์ ประจำวันอาทิตย์ที่ 24 ตุลาคม 2553 คู่สุดท้าย คู่บิ๊กแมตช์ของสัปดาห์นี้ เป็นการพบกันระหว่าง "เรือใบสีฟ้า" แมนฯ ซิตี้ ทีมรองจ่าฝูง เปิดบ้าน สนาม ซิตี้ ออฟ แมนเชสเตอร์ สเตเดี้ยม พบกับ "ปืนใหญ่" อาร์เซน่อล ซึ่งทั้งสองทีมต่างก็เก็บชัยชนะได้อย่างสวยงามในเวทียุโรป โดย "เรือใบสีฟ้า" แมนฯ ซิตี้ กด เลซ พอซนัน 3-1 ในศึก ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก ส่วน อาร์เซน่อล ถล่ม ชัคเตอร์ฯ ทีมแกร่งจาก ยูเครน 5-1 ในถ้วยใหญ่ "ยูซีแอล"
"เรือใบสีฟ้า" เเมนเชสเตอร์ ซิตี้ ของ โรเเบร์โต้ มันชินี่ มาในระบบ 4-3-3 ใช้กองหน้าสามตัว เจมส์ มิลเนอร์ และ ดาบิด ซิลบา ยืนอยู่กราบสองข้างขนาบกองหน้าตัวเป้าอย่าง คาร์ลอส เตเวซ โดยมี ไนเจล เด ยองก์, เเกเร็ธ แบร์รี่ และ ยาย่า ตูเร่ ยืนเป็นสามประสานในแดนกลาง ส่วนกองหลังใช้แบ็กดาวรุ่งทั้งสองข้าง โดย เฌอโรม บัวเต็ง เป็นแบ็กซ้าย และ เดดริค โบยาต้า เป็นแบ็กขวา ส่วนรายชื่อตัวสำรองมีเซอร์ไพรส์ เมื่อมีชื่อของ "ซุปเปอร์มาริโอ" มาริโอ บาโอเตลลี่ ไว้คอยให้ "มันโช่" แก้เกม

ส่วน "เดอะ กันเนอร์ส" อาร์เซน่อล ของ อาร์เซน เวนเกอร์ ยังไม่มีชื่อของ 2 ตัวหลักอย่าง โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ย์ เเละ โธมัส เเฟร์มาเล่น เนื่องจากมีปัญหาอาการบาดเจ็บรบกวน แต่ถ้าหากเก็บชัยชนะได้จะมี 17 เเต้มเท่ากับ เเมนฯ ซิตี้ ทันที จึงใส่ชื่อลงมาอย่างเต็มสูบ ด้วยระบบ 4-5-1 มี มารูยาน ชามัคห์ ศูนย์หน้าชาว โมร็อกโก เป็นกองหน้าตัวเป้า ส่วน ซามีร์ นาสรี่, เชส ฟาเบรกาส และ อังเดร อาร์ชาวิน เป็นตัวสร้างสรรค์เกมรุกอย่างข้างหลัง ขณะที่ในแนวรับได้ บาการี่ ซานญ่า มายืนเป็นแบ็กขวาอีกครั้งหลังจากหายเจ็บกลับมา และ ลูคัส ฟาเบียนสกี้ ผู้รักษาประตูดาวรุ่ง ยังคงทำหน้าที่แทน อัลมูเนีย อยู่เช่นเคย

เริ่มเกมขึ้นมาเพียงแค่นาทีเดียว "เรือใบสีฟ้า" เกือบได้ประตูขึ้นนำ จากจังหวะที่ เตเวซ ลากบอลขึ้นมาทางฝั่งขวา ก่อนจะเลี้ยงเข้ากรอบเขตโทษแล้วเปิดเข้ากลางไปให้ ซิลบา วิ่งเข้ามาจัดการ ไขว้บอล แต่ ลูคัส ฟาเบียนสกี้ ยังล้มตัวไปรับได้อย่างหวุดหวิด

น.4 เกิดจุดเปลี่ยนของเกม เมื่อ เดดริค โบยาต้า มาโดนใบแดง หลังจากไปเข้าหนักในจังหวะที่ตัวเองเป็นกองหลังตัวสุดท้ายใส่ ชามัคห์ ที่กำลังลากบอลหลุดเดี่ยวเข้าไปยิง นอกกรอบเขตโทษ มาร์ค แคล็ตเท่นเบิร์ก ผู้ตัดสินในสนาม ไม่มีทางเลือก แจกใบแดงให้กับแบ็กดาวรุ่งรายนี้ทันที

น.16 จากจังหวะขลุกขลิกหน้ากรอบเขตโทษ เตเวซ ทะลุเข้าไปซัดด้วยขวา เต็มข้อ แต่ทว่า ลูคัส ฟาเบียนสกี้ ยังอยู่ถูกที่ รับเข้าซองไว้ได้

น.19 ในที่สุด อาร์เซน่อล ที่เหลือตัวผู้เล่นมากกว่า ก็มาออกนำไปก่อน 1-0 จากจังหวะที่ เอบูเอ้ จ่ายเข้ากลางมาให้ นาสรี่ แล้วเป็น นาสรี่ ที่ทำชิ่งกับ อาร์ชาวิน ในจังหวะหนึ่งสอง แล้วหลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษ ทางฝั่งขวา ก่อนซัดแสกหน้าผ่านมือ โจ ฮาร์ท เข้าไปอย่างสวยงาม

น.27 "เรือใบสีฟ้า" เกือยมาได้ประตูตีเสมอ จากจังหวะที่ เจมส์ มิลเนอร์ จ่ายบอลไปให้กับ ไมกาห์ ริชาร์ด ทางฝั่งขวานอกกรอบเขตโทษ ก่อนเลี้ยงตัดเข้ากลางแล้วตัดสินใจ ปั่นด้วยซ้าย หนีมือ ฟาเบียนสกี้ แต่น่าเสียดายที่บอลออกข้างทางเสาสองไปนิดเดียว

น.38 อาร์เซน่อล มาได้จุดโทษ หลังจากที่ เชส ฟาเบรกาส กำลังพลิกบอลเข้าไปในกรอบเขตโทษ แต่โดน เเว็งซ็อง ก็องปานี เข้ามาอัดจากทางด้านหลัง มาร์ค แคล็ตเท่นเบิร์ก ผู้ตัดสินในสนาม เป่าให้เป็นจุดโทษทันที แต่ ฟาเบรกาส ที่ตัดสินใจซัดไปทางขวามือของตนเอง กลับยิงไปติดเชฟของ โจ ฮาร์ท ที่พุ่งไปปัดไว้ได้ ก่อนที่จะตะครุบบอลในจังหวะที่สอง

หลังจากนั้น ทั้งสองทีมไม่สามารถทำอะไรกันได้ ในช่วงครึ่งเวลาแรก อาร์เซน่อล บุกมานำ แมนฯ ซิตี้ อยู่ 1-0

เริ่มครึ่งหลังขึ้นมา "มันโช่" เปลี่ยนตัวทันที โดยถอด ยาย่า ตูเร่ กองกลางตัวรับออก และส่ง เวย์น บริดจ์ ลงมาอุดรูรั่วทางแบ็กซ้าย

น.52 "มันโช่" ตัดสินใจเปลี่ยนตัวอย่างต่อเนื่อง หลังจากเห็นรูปเกมของลูกทีมไม่ได้ดีขึ้น โดยเอา เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ อดีตเด็กเก่า "ปืนใหญ่" ลงมาแทนที่ คาร์ลอส เตเวซ ที่เล่นไม่ออก และดูโดดเดี่ยวเหลือเกินในเกมนี้

น.66 อาร์เซน่อล มาได้ประตูออกนำ 2-0 จากจังหวะที่ เชส จะแทงทะลุช่องไปให้กับ ชามัคห์ แต่ดันไปติดขากองหลังของ ซิตี้ แล้วมาเข้าทาง ซง ที่ยืนอยู่ในกรอบเขตโทษพอดี ซัดด้วยขวาเต็มข้อ ผ่านมือของ ฮาร์ท เข้าไปอย่างสวยงาม

ช่วงยี่สิบนาทีสุดท้าย "มันโช่" ไม่มีทางเลือก จำเป็นต้องส่ง "ซุปเปอร์มาริโอ" มาริโอ บาโลเตลลี่ ลงมาแก้เกม แทนที่ตัวรับธรรมชาติอย่าง แบร์รี่

น.72 อาร์เซน่อล มาได้จังหวะลุ้นทำประตูอีกเม็ด จาก เดนิลสัน ที่ลากบอลจากทางฝั่งซ็าย แล้วตัดสินใจกดด้วยขวา บอลพุ่งไปตรงตัว ฮาร์ท ที่รับเข้าซองเอาไว้ได้

ช่วงห้านาทีสุดท้าย เวนเกอร์ ตัดสินใจปิดเกมด้วยการส่งสองแนวรุก นิคลาส เบนท์เนอร์ และ ธีโอ วัลค็อตต์ ลงมา หลังจากหายจากอาการบาดเจ็บ แทนที่ของ "กัปตันเชส" เชส ฟาเบรกาส และ มารูยาน ชามัคห์

น.88 อาร์เซน่อล ยิงสลุต! เมื่อมาได้ประตูที่สาม จากจังหวะที่ นาสรี่ ลากบอลมาทางฝั่งซ้าย ก่อนจ่างทะลุช่องให้ เบนท์เนอร์ ตัวสำรอง พาบอลเข้าไปแปย้อนตัว ฮาร์ท เข้าเสาสองไปอย่างสวยงาม อาร์เซน่อล บุกไปออกนำห่าง แมนฯ ซิตี้ 3-0

จบเกม "ปืนใหญ่" อาร์เซน่อล บุกไปถล่ม "เรือใบสีฟ้า" แมนฯ ซิตี้ คารัง 3-0 เก็บสามแต้มนอกบ้าน ทำให้มีแต้มเท่ากับ แมนฯ ยูฯ และ แมนฯ ซิตี้ ที่ 17 แต้มเท่ากัน

รายชื่อผู้เล่นที่ลงสนามของทั้งสองทีม
เเมนเชสเตอร์ ซิตี้ : ระบบ 4-3-3
โจ ฮาร์ท (ผู้รักษาประตู), เดดริค โบยาต้า, เฌอโรม บัวเต็ง, ไมกาห์ ริชาร์ด, เเว็งซ็อง ก็องปานี, ไนเจล เด ยองก์, เเกเร็ธ แบร์รี่ (มาริโอ บาโลเตลลี่ 72), ยาย่า ตูเร่ (เวย์น บริดจ์ 46), เจมส์ มิลเนอร์, ดาบิด ซิลบา, คาร์ลอส เตเวซ (เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ 52)
ผู้จัดการทีม : โรเเบร์โต้ มันชินี่

อาร์เซน่อล : ระบบ 4-5-1
ลูคัส ฟาเบียนสกี้ (ผู้รักษาประตู), กาเเอล กลิชี่, บาการี่ ซานญ่า, เซบาสเตียน สกิลลาชี่, โยฮัน ฌูรู, ซามีร์ นาสรี่, เชส ฟาเบรกาส (นิคลาส เบนท์เนอร์ 85), เดนิลสัน, อเล็กซานเดอร์ ซง, อังเดร อาร์ชาวิน (โทมัส โรซิซกี้ 69), มารูยาน ชามัคห์ (ธีโอ วัลค็อตต์ 85)
ผู้จัดการทีม : อาร์เซน เวนเกอร์

ผู้ตัดสิน : มาร์ค แคล็ตเท่นเบิร์ก