วันอาทิตย์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2553

แบ็กกี้ส์ไล่ตีเจ๊าผีแดง2-2ปืนโตยิงแซงลูกโลก2-1


แบ็กกี้ส์ไล่ตีเจ๊าผีแดง2-2ปืนโตยิงแซงลูกโลก2-1

ไม่สวย! "ปีศาจแดง" โดน "เดอะ แบ็กกี้ส์" ไล่ตีเสมอ 2-2 "น้าซาร์" รับลูกพลาดจนเป็นจุดเปลี่ยน ขณะที่ "ปืนใหญ่" โดน เบอร์มิงแฮม ยิงนำไปก่อน ได้ "นาสรี่" ยิงจุดโทดตีเสมอ ก่อนที่ "ชามัคห์" จะมายิงแซงชนะไปในที่สุด

การแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ คู่ประจำวันเสาร์ที่ 16 ตุลาคม 2553 "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดโรงละครแห่งความฝัน ต้อนรับการมาเยือน "เดอะ แบ็กกี้ส์" เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน ที่ทำผลงาน 5 นัดหลังสุดได้ดี

เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กุนซือ ปีศาจแดง ที่พาทีมชนะเกมในบ้านทุกนัด แต่กลับกันเกมนอกบ้านยังไม่สามารถเอาชนะใครเลย ทำได้แค่เสมอทุกนัดเช่นกัน โดยที่มีแต้มห่าง เชลซี ถึง 5 แต้ม โดยที่ กลับมาเล่นในเกมนี้ไม่มีนักเตะที่ได้รับบาดเจ็บกลับมาจากการรับใช้ทีมชาติเลย

นอกจากนี้มีข่าวดี เมื่อ ไรอัน กิ๊กส์ ปีกจอมเก๋า ที่พลาด 2 นัดล่าสุด หายจากอาการบาดเจ็บ แต่ยังต้องรอเช็กความฟิต แต่ทาง โอเว่น ฮาร์กรีฟส์ ซึ่งในตอนแรกมีข่าวว่าจะกลับมาเล่นได้ แต่ยังไม่พร้อม หลังได้รับบาดเจ็บน่อง ส่วนในราย อันโตนิโอ วาเลนเซีย พักยาวถึงเดือน ก.พ. เป็นอย่างน้อย

สำหรับ นักเตะตัวหลักๆ จะพร้อมกลับมาลงสนามทั้ง นานี่, พอล สโคลส์, ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์, ริโอ เฟอร์ดินานด์, เนมานย่า วิดิช ขณะที่แดนหน้า เวย์น รูนี่ย์ น่าจะกลับมาลงล่าตาข่ายคู่กับ ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ อีกครั้ง หลังจากที่ถูกดร็อปใน 2 เกมล่าสุด

ด้านทัพ เดอะ แบ็กกี้ส์ ของ โรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอ ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม พาทีมอยู่อันดับ 6 ของตาราง โดยที่เกมล่าสุด เปิดบ้านเสมอกับ โบลตัน 1-1 แต่ต้องเสีย ปีเตอร์ โอเดมวิงกี้ หัวหอกตัวเก่งบาดเจ็บหัวเข่า และส่อแววที่จะพลาดลงสนาม

ส่วนนักเตะที่มีอาการบาดเจ็บอยู่ก่อนอย่าง เจอโรม โธมัส และ มาเร็ค เช็ก ยังคงพลาดการลงสนามเช่นเคย แต่ยังโชคดีเช่นกัน ที่นักเตะตัวทีมชาติไม่มีใครได้รับบาดเจ็บกลับมาเลย

โดยการจัดทัพมาเยือน โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ต้องมีการปรับตำแหน่งในแดนหน้าต้องลุ้นระหว่าง มาร์ก อองตวน ฟอร์กตูเน่ หรือ ไซม่อน ค็อกซ์ ใครจะได้ลงเล่นแดนหน้าแทนที่ โอเดมวิงกี้ ที่ได้รับบาดเจ็บ

เริ่มเกมเป็นทาง "ปีศาจแดง" ได้เขี่ยลูกเริ่มเกมก่อน บุกจากขวาไปซ้าย และแค่เพียง 4 นาที เจ้าบ้าน ก็ออกนำไปอย่างรวดเร็ว จากจังหวะที่ กองหลังทีมเยือน ไปทำฟาว์ล ฮาเวียร์ เอร์นานเดซ ได้เป็นลูกตั้งเตะบริเวณหน้ากรอบเขตโทษ ระยะ 30 หลา และเป็นทาง นานี่ ยิงไปติดเซฟ สกอตต์ คาร์สัน แต่รับบอลกระฉอกออกมาเข้าทาง เอร์นานเดซ ที่ยืนอยู่บริเวณนั้นแปสวนทางระยะ 6 หลาเข้าไป

น. 12 เวสต์บรอมวิช เกือบได้ประตูตีเสมอ เมื่อ มาร์ก อองตวน ฟอร์กตูเน่ ได้บอลในกรอบเขตโทษฝั่งขวา ก่อนที่จะตัดสินใจเปิดเรียดเข้าไปหน้าประตู บอลผ่าน เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ มาที่เสา 2 และมี คริส บรันท์ ที่กำลังวิ่งเข้ามาชาร์ต แต่ก็โดน ราฟาเอล ดา ซิลวา ที่เร็วกว่าวิ่งมาตัดหน้าเคลียร์ทิ้งไปได้ แมนฯ ยูฯ เกือบที่จะโดนตีเสมอเอามากๆ

น. 24 แมนฯ ยูฯ ออกนำ เป็น 2-0 จากจังหวะที่ นานี่ ตัดบอลได้กลางสนาม ก่อนที่จะลากขึ้นมา และส่งบอลให้ ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ ออกไปทางขวาของกรอบเขตโทษ และตัดสินใจส่งบอลกลับเข้ากลางมาให้ นานี่ แปบริเวณจุดโทษเข้าไปเป็นประตูนำห่าง

น. 33 หลังจากที่นำห่างถึง 2-0 เจ้าบ้าน ก็ผ่อนเกมลงมาบ้างปล่อยให้ ทีมเยือน มีโอกาสได้ทำเกมบ้าง และก็สามารถที่จะกดดันได้บ้าง แต่ก็ไม่มีลูกหวือหวาอะไรมากมาย

น. 42 แมนฯ ยูฯ ต้องเปลี่ยนตัวเป็นคนแรก เมื่อ ไรอัน กิ๊กส์ ได้รับบาดเจ็บ ส่ง ดาร์รอน กิ๊บสัน มาแทน และขยับ อันแดร์สัน ไปเล่นทางซ้ายแทน

ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ แมนฯ ยูฯ พยายามครองเกมให้หมด

หมดครึ่งแรก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นำ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน 2-0

เริ่มเกมมาในครึ่งหลังมาได้แค่ 1 นาที เจ้าบ้าน เกือบที่จะออกนำ 3-0 เมื่อ นานี่ โชว์สเต็ปหลอก กองหลังทีมเยือน ก่อนที่จะเปิดเข้าไปตรงกลางกรอบเขตโทษ และมี เนมานย่า วิดิช กระโดดโถมเข้ามาโหม่ง แต่บอลไปชนโคนเสากระเด้งออกมาอย่างน่าเสียดาย

น. 49 เวสต์บรอมวิช มาได้ประตูตีตื้นไล่มา 1-2 จากลูกตั้งเตะนอกกรอบเขตโทษเกือบเส้นหลัง คริส บรันท์ เปิดเข้ามาเหมือนจะไม่มีอะไร แต่บอลแฉลบ ปาทริซ เอวร่า เข้าไป เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ พยายามปัดออกมา แต่ ผู้ตัดสิน เป่าให้เป็นประตูไปแล้ว

น. 54 ทีมเยือน มาได้ประตูตีเสมอ 2-2 เมื่อ คริส บรันท์ ได้บอลอยู่ทางซ้ายของกรอบเขตโทษ ก่อนที่จะเปิดบอลโค้งเข้ามาเหมือนจะไม่มีอะไร แต่ เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ กระโดดรับบอลพลาดหลุดมือบอลไปเข้าทาง โซเมน โชยี่ ได้แประยะ 6 หลาเข้าไปอย่างง่ายดาย

น. 64 หลังจากที่โดนตีเสมอ 2-2 เจ้าบ้าน พยายามบุกหนักหวังเอาชนะ และมาได้ฟรีคิกระยะหวังผลจากการที่ นานี่ เลี้ยงบอลเข้ามาก่อนที่จะโดนทำฟาวล์ และลุกขึ้นมายิงเอง แต่ยิงไม่ดีบอลเหินข้ามคานไปไกล

น. 71 ผีแดง จัดการทุ่มสุดตัวหวังฆ่าให้ตาย และหวังเอาชนะ เปลี่ยนตัวผู้เล่นหมดโควต้า ส่ง พอล สโคลส์ และ เวย์น รูนี่ย์ มาแทน ไมเคิ่ล คาร์ริค ที่วันนี้ไม่ค่อยมีบทบาท และ อันแดร์สัน ที่วันนี้เล่นได้ดีในระดับหนึ่ง จนต้องเปลี่ยนมาเล่นแผน 4-3-3

น. 79 แมนฯ ยูฯ มาได้ลูกโทษ 2 จังหวะ จากจังหวะที่ กองหลังตัดสินใจไม่ดีกระดกบอลคืนหลังให้ สกอตต์ คาร์สัน และ ผู้ตัดสิน เป่าให้ได้ฟาวล์บริเวณจุดโทษ และเป็น นานี่ ไหลบอลคืนหลังให้ เวย์น รูนี่ย์ ยิงเต็มแรงบอลเกือบจะพุ่งเข้าประตู แต่โดนกองหลังทีมเยือนสกัดออกมาได้ทัน

ช่วง 5 นาทีท้าย ทั้งสองทีมเปิดเกมรุกใส่กันเต็มสูบ มีโอกาสได้ประตูกันทั้งคู่ แต่ไม่มีใครพลาดพลั้ง

จบเกม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดบ้านเสมอ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน 2-2

รายชื่อผู้เล่น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ - ราฟาเอล ดา ซิลวา, ริโอ เฟอร์ดินานด์, เนมานย่า วิดิช, ปาทริซ เอวร่า - นานี่, ไมเคิ่ล คาร์ริค (พอล สโคลส์ น.71), อันแดร์สัน (เวย์น รูนี่ย์ น.71), ไรอัน กิ๊กส์ (ดาร์รอน กิ๊บสัน น.42) - ฮาเวียร์ เอร์นานเดซ, ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ

สำรองไม่ได้ใช้
โธมัส คุสแช็ค - จอห์น โอเช, คริส สมอลลิ่ง, เฟเดริโก้ มาเคด้า

รายชื่อผู้เล่น เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน
สกอตต์ คาร์สัน - กอนซาโล่ จาร่า, กาเบรียล ทามาส, โยนาส โอลส์สัน, นิกกี้ ชอรี่ย์ - โซเมน โชยี่ (เจอโรม โทมัส น. 69), พอล ชาร์เนอร์, ยุสซุฟ มูลัมบู, คริส บรันท์, เจมส์ มอร์ริสัน (เกรแฮม ดอร์แรนส์ น. 85) - มาร์ก อองตวน ฟอร์กตูเน่ (โรมัน เบ็ดนาร์ น. 78)

สำรองไม่ได้ใช้
โบอาซ มายฮิลล์ - ปาโบล อีบันเญส, สตีเฟ่น รีด, ไซม่อน ค็อกซ์

ผุ้ตัดสิน : ไมค์ โจนส์

อาร์เซน่อล 2-1 เบอร์มิงแฮม ซิตี้

ศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประจำค่ำคืนวันเสาร์ที่ 16 ต.ค. 2553 อาร์เซน่อล ทีมอันดับ 4 ของตาราง เปิดรัง เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม รับการมาเยือนของ เบอร์มิงแฮม ซิตี้ ทีมอันดับ 16

เกมนี้เจ้าบ้าน "ปืนใหญ่" อาร์เซน่อล ของ อาร์แซน เวนเกอร์ ยังคงไม่มี เชส ฟาเบรกาส กัปตันทีมจอมทัพที่ยังมีอาการบาดเจ็บ ส่งเจ้าหนู แจ็ค วิลเชียร์ ลงทำเกมแทน ส่วนกองหลัง เอ็มมานูเอล เอบูเอ้, โยฮัน ฌูรู ลงเล่นแทน โธมัส แฟร์มาเล่น, บาการี่ ซานญ่า ที่มีอาการบาดเจ็บ ส่วนแดนหน้ายังมี อังเดร อาร์ชาวิน, มารูยาน ชามัคห์ ลงทำเกมรุก

ด้านทีมเยือน เบอร์มิงแฮม ซิตี้ ของกุนซือ อเล็กซ์ แม็คลีช ส่ง นิโกล่า ซิกิช ลงเป็นกองหน้าตัวเป้า โดยมี เซบาสเตียน ลาร์สสัน, แบร์รี่ เฟอร์กูสัน, ลี โบวเยอร์ คอยทำเกมรุก สนับสนุนอยู่ในแผงกลาง ขณะที่ อเล็กซานเดอร์ คเล็บ จอมทัพเบลารุส ที่บาดเจ็บข้อเท้า จนไม่ได้ช่วยทีมชาติลงคัดยูโร 2012 ได้ลงเจอกับทีมเก่าในนัดนี้

เริ่มเกมมา 3 นาที เป็นทาง อาร์เซน่อล ได้โอกาสก่อนจาก อาบู ดิยาบี้ ได้ยิงไกลจากนอกกรอบเขตโทษเเต่ ลูกยิงเบาเกินไป เบน ฟอสเตอร์ รับได้สบาย

น. 5 เป็นโอกาสของเจ้าบ้านอีกครั้งเมื่อ มารูยาน ชามัคห์ ทำชิ่งกับ อังเดร อาร์ชาวิน หลุดเข้าไปยิง เเต่เป็นทาง สตีเฟ่น คาร์ ล้มตัวมาสกัดไว้ได้อย่างหวุดหวิด

น.16 อาร์เซน่อลได้ฟรีคิกทางกราบซ้าย ซามีร์ นาสรี่ เปิดเข้าไปให้ เซบาสเตียง สกิลลาชี่ ได้โขกบอลโดนปลายมือ เบน ฟอสเตอร์ เข้าประตูไป เเต่กรรมการเป่าฟาวล์ เพราะเห็นว่า เซบาสเตียง สกิลลาชี่ ยืนอยู่ในตำแหน่งล้ำหน้า

น. 23 เป็นทางเจ้าบ้านอีกครั้ง เมื่อกองหลังของ เบอร์มิงแฮม ซิตี้ ผิดพลาดส่งบอลในกรอบเขตโทษกันไม่ดี โดน กาแอล กลิชี่ ฉกบอลไปยิงด้วยขวาแต่บอลหลุดออกนอกกรอบไป

น. 26 เบอร์มิงแฮม มาได้ฟรีคิกบ้าง เซบาสเตียน ลาร์สสัน เปิดเข้ามาเป็นทาง เซบาสเตียง สกิลลาชี่ ขึ้นแย่งโหม่งกับ เลียม ริดจ์เวลล์ แต่โหม่งโดนบอลไม่ดีทำให้ลูกบอลเกือบลอยเข้าประตูตัวเอง เเต่ ลูคัส ฟาเบียงสกี้ ยังรับไว้ได้สบาย

น. 32 ทีมเยือน เบอร์มิงแฮม มาได้ประตูขึ้นนำไปก่อนเมื่อ คีธ ฟาเฮย์ รับลูกทุ่มทางฝั่งซ้าย ก่อนเปิดเข้ามาในกรอบเขตโทษเป็นทาง นิโกล่า ซิกิช โขกย้อนศรบอลเข้าประตูไป

น. 39 ปืนใหญ่ มาได้จุดโทษจากจังหวะที่ สกอตต์ แดนน์ ไปเสียบ มารูยาน ชามัคห์ ในเขตโทษแล้วเป็นทาง ซามีร์ นาสรี่ รับหน้าที่สังหารจุดโทษ ยิงเข้าไปทางซ้ายมือ สกอร์กลับมาเป็น 1-1

หลังจากนั้น ทั้งสองทีมไม่สามารถทำอะไรเพิ่มเติมได้ ยังเสมอกันอยู่ 1-1 ในช่วงครึ่งแรก

เริ่มเกมครึ่งหลังมาได้ 2 นาที "ปืนใหญ่" ก็ได้ประตูออกนำไปอย่างรวดเร็วเมื่อ แจ็ค วิลเชียร์ จ่ายบอลเข้ามาในเขตโทษให้ มารูยาน ชามัคห์ แหวกผ่านผู้เล่นของ เบอร์มิงแฮม หลุดเข้าไปซัดผ่านเมื่อ เบน ฟอสเตอร์ เข้าไปอย่างสวยงาม ทีมเจ้าบ้านแซงนำเป็น 2-1

น. 70 อาร์เซน่อลเปลี่ยนตัวเป็นคนแรกโดยเอา โทมัส โรซิชกี้ ลงมาแทน อังเดร อาร์ชาวิน และ น. 79 ก็เปลี่ยน นิคลาส เบนท์เนอร์ ลงมาเเทน มารูยาน ชามัคห์ อีกคน

น. 83 กาแอล กลิชี่ ได้บอลทางฝั่งซ้ายไหลบอลกลับมาให้ โทมัส โรซิชกี้ ยิงไกลจากนอกเขตโทษบอลพุ่งเข้าหาประตู แต่เป็นทาง เบน ฟอสเตอร์ รับไว้ได้ติดมือ

ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ แจ็ค วิลเชียร์ ก็มาโดนใบแดงไล่ออกจากสนามเพราะไปเสียบเปิดปุ่มสตั๊ดเข้าใส่ นิโกล่า ซิกิช และในช่วงเวลาที่เหลือ เบอร์มิงแฮม ซิตี้ พยายามบุกเข้าใส่ อาร์เซน่อล ที่เหลือ 10 คนเเต่ก็ไม่สามารถทำประตูเพิ่มได้

จบเกม อาร์เซน่อล เปิดบ้านเอาชนะ เบอร์มิงแฮม ซิตี้ ไปได้ 2-1

รายชื่อนักเตะของทั้ง 2 ทีม
อาร์เซน่อล : ระบบ 4-2-3-1
ลูคัส ฟาเบียงสกี้ (ผู้รักษาประตู) - เอ็มมานูเอล เอบูเอ้, โยฮัน ฌูรู, เซบาสเตียง สกิลลาชี่, กาแอล กลิชี่ - ซามีร์ นาสรี่, อาบู ดิยาบี้, แจ็ค วิลเชียร์, อเล็กซ์ ซง, อังเดร อาร์ชาวิน (โทมัส โรซิชกี้ น.70) - มารูยาน ชามัคห์ (นิคลาส เบนท์เนอร์ น.79)

เบอร์มิงแฮม ซิตี้ : ระบบ 4-5-1
เบน ฟอสเตอร์ (ผู้รักษาประตู) - สตีเฟ่น คาร์, โรเจอร์ จอห์นสัน, สกอตต์ แดนน์, เลียม ริดจ์เวลล์ - เซบาสเตียน ลาร์สสัน, แบร์รี่ เฟอร์กูสัน, ลี โบวเยอร์ (แกรี่ โอคอนนอร์ น. 80), คีธ ฟาเฮย์ (ดาบิด เมอร์ฟี่ น. 77), อเล็กซานเดอร์ คเล็บ - นิโกล่า ซิกิช

ผู้ตัดสิน : มาร์ติน แอตกินสัน