วันจันทร์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2553

เรือใบจมแบล็คพูล3-2 เตเวซกด2ขึ้นรั้งรองฝูง


เรือใบจมแบล็คพูล3-2 เตเวซกด2ขึ้นรั้งรองฝูง

เตเวซ รับบทฮีโร่ให้กับ "เรือใบ" หลังกดสองตุง ให้ทีมเอาชนะ แบล็คพูล ไปอย่างสุดมันส์ 3-2 เก็บสามแต้ม ขึ้นไปรั้งรองจ่าฝูงได้สำเร็จ ในศึกพรีเมียร์ลีก นัด ซุปเปอร์ ซันเดย์

การแข่งขันฟุตบอล พรีเมียร์ลีก นัดซุปเปอร์ซันเดย์ คู่ที่สองประจำค่ำคืนวันอาทิตย์ที่ 17 ตุลาคม 2553 เป็นการพบกันระหว่าง "เดอะ ซีไซเดอร์ส" แบล็คพูล ทีมอันดับที่ 10 ของตาราง ที่นัดที่ผ่านมาทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม บุกไปชนะ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ถึงถิ่น 2-1 เปิดบ้านที่สนาม บลูม ฟิลด์ โร้ด พบกับ "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทีมอันดับที่ 4 ของตาราง ที่ต้องการชัยชนะ เพื่อที่จะทำแต้มขึ้นไปรั้งรองจ่าฝูง

"เดอะ ซีไซเดอร์ส" แบล็คพูล ของ เอียน ฮอลโลเวย์ ใช้ระบบเดิม 4-2-3-1 ที่บุกไปอัด "หงส์แดง" โดยมี ดัดลีย์ แคมป์เบลล์ ยืนเป็นหัวหอกตัวเป้า และมี ชาร์ลี อดัม, แกรี่ เทย์เลอร์ เฟล็ทเชอร์ และ ลุค วานี่ย์ คอยยืนสร้างสรรค์เกมรุกของข้างหลัง

ส่วน "เรือใบสีฟ้า" แมนฯ ซิตี้ ของ "มันโช่" โรแบร์โต้ มันชินี่ วันนี้ มาในระบบ 4-4-2 ใช้ คาร์ลอส เตเวซ จับคู่กับ เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ ในแดนหน้า โดยมีปีกดาวรุ่งชาวผู้ดีคอยสร้างสรรค์เกมทางกราบ ทั้ง เจมส์ มิลเนอร์ และ อดัม จอห์นสัน และดร็อป ดาบิด ซิลบา เป็นเพียงแค่ตัวสำรอง ส่วนแนวรับขาด โคโล่ ตูเร่ แต่ก็ยังมี แว็งซองต์ กอมปานี จับคู่กับ โจลีออน เลสค็อตต์ ในตำแหน่งปราการหลังตัวกลาง

เริ่มเกมในช่วงครึ่งแรกมาไม่กี่นาที "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทีมเยือนก็ได้จังหวะทักทายก่อน จากจังหวะที่ อดัม จอห์นสัน ถวายพานไปให้ เจมส์ มิลเนอร์ ได้กดด้วยขวา แต่ไม่ดีพอ แม็ทธิว กิลค์ส รับเข้าซองเอาไว้ได้

น.10 ดัดลี่ย์ แคมป์เบลล์ ได้โอกาสซัดเต็มข้อ หน้ากรอบเขตโทษด้วยขวา แต่ว่าโดนไม่ดี บอลหลุดกรอบออกไป

น.19 แว็งซองต์ กอมปานี ได้โหม่งเต็มกบาล จากการทะลุไปเปิดของ เจมส์ มิลเนอร์ แต่ แม็ทธิว กิลค์ส ยังรับเข้าซองไว้ได้อีกครั้ง

น.34 คาร์ลอส เตเวซ ได้บอลจากจังหวะโต้กลับ กระชากเข้าไปในกรอบเขตโทษฝั่งขวา ก่อนที่จะเปิดเข้ากลางมา แต่ว่าในจังหวะสุดท้าย อเดบายอร์ เข้าไม่ถึงบอล โดน เดวิด วอห์น สอดเข้ามาสกัดบอลออกไปได้ก่อน

หลังจากนั้น ทั้งสองทีมไม่สามารถทำอะไรได้เพิ่มเติมในช่วงครึ่งแรก ทำให้จบครึ่งแรก เสมอกันอยู่ 0-0

เริ่มเกมครึ่งหลังขึ้นมาไม่นาน น.53 แบล็คพูล น่าจะได้ประตูขึ้นนำเป็นอย่างยิ่งจากจังหวะที่ ดัดลีย์ แคมป์เบลล์ ได้จังหวะซัดโล่งๆ หน้าปากประตู ระยะประมาณแค่ 6 หลา แต่ โจ ฮาร์ท ที่ออกมาปิดมุมได้ดี ทำให้ ดัดลีย์ ปาดหวังจะเข้าเสาสอง ออกไปเอง

น.61 ยังเป็นเจ้าบ้านที่บดใส่อย่างต่อเนื่อง จังหวะนี้เป็น ชาร์ลี อดัม ที่ได้กดเต็มข้อด้วยซ้าย จากแถวสองหลังรับบอลมาจาก ดัดลีย์ แคมป์เบลล์ ที่ปาดมาให้ แต่ โจ ฮาร์ท ยังปัดออกหลังไปได้

น.66 ทั้งสองทีม เปลี่ยนตัวผู้เล่นเป็นคนแรก โดย "ซิตี้" เปลี่ยนเอา ดาบิด ซิลบา ลงมาเล่นแทนที่ อเดบายอร์ ส่วน "เดอะ ซีไซเดอร์ส" ตัดสินใจส่งกองหน้าลงมาอีกคน โดยเอา มาร์ลอน แฮร์วู้ด หัวหอกจอมเก๋า ลงมาแทนที่ เอลเลียต กร็องแด็ง

หลังจากเปลี่ยนตัวได้ไม่นาน น.67 "เรือใบสีฟ้า" ก็มาได้ประตูออกนำ แบล็คพูล 1-0 จากจังหวะที่ เจทส์ มิลเนอร์ ตอกส้นให้กับ ซิลบา ที่วิ่งสอดขึ้นมาในกรอบเขตโทษทางฝั่งซ้าย ก่อนที่จะปาดเรียดเข้ากลางมาให้ เตเวซ ที่วิ่งมาแปแบบถากๆ ด้วยซ้าย เปลี่ยนทางบอลเข้าเสาสองไป

น.69 แบล็คพูล เกือบมาได้ประตูตีเสมอ จากโอกาสได้ลูกฟรีคิก ระยะประมาณ 25 หลา ชาร์ลี อดัม รับหน้าที่ปั่นด้วยซ้าย บอลพุ่งเฉี่ยวเสาออกข้างไปแบบได้ลุ้น

น.73 "ซิตี้" เกือบได้ประตูที่สอง จากจังหวะที่ มิลเนอร์ ลากบอลขึ้นมาทางกราบซ้าย ก่อนที่จะล็อกเข้าขวา แล้วปั่นบอลพุ่งไปชนคานอย่างจัง พลาดโอกาสขึ้นนำห่างอย่างน่าเสียดาย

น.78 แบล็คพูล มาได้ประตูตีเสมอจนได้ จากจังหวะที่ ชาร์ลี อดัม เปิดลูกฟรีคิกจากทางฝั่งขวา ด้วยซ้าย เข้ามาในกรอบเขตโทษ และเป็น มาร์ลอน แฮร์วู้ด กองหน้าตัวสำรอง ได้โหม่งสะบัด บอลเปลี่ยนทางเข้าเสาไกลไป สกอร์กลับมาเท่ากันที่ 1-1

หลังจากโดนตีเสมอเพียงแค่ 1 นาที ซิตี้ ก็มาได้ประตูออกนำอีกครั้ง จากจังหวะที่ คาร์ลอส เตเวซ ฉกบอลจากกองหลังเจ้าบ้าน ที่เฟอะฟะทำบอลกระฉอกออกจากเท้า ก่อนจะกดด้วยซ้ายเต็มข้อ บอลไปแฉลบขากองหลังของ แบล็คพูล ก่อนเบียดเสาแรกเข้าไป ทำให้ ซิตี้ ขึ้นนำอีกครั้ง 2-1

ช่วงห้านาทีสุดท้าย "มันโช่" ตัดสินใจเล่นเกมรับด้วยการถอดเอา อดัม จอห์นสัน ออก และส่ง วิเอร่า กองกลางตัวรับจอมเก๋า ลงมาเล่นแทน

น.90 "เรือใบสีฟ้า" มาได้ประตูเพิ่ม ออกนำ แบล็คพูล เป็น 3-1 จากความสามารถเฉพาะตัวของ ดาบิด ซิลบา ที่ล็อกหลบกองหลังของ แบล็คพูล สองคน ก่อนที่จะปั่นด้วยซ้าย เข้าเสาสองไปอย่างสวยงาม

แต่เจ้าบ้านมาได้ความหวังเล็กๆ เมื่อมาตีตื้นเป็น 2-3 จากลูกขลุกขลิกหน้าปากประตู และเป็น แกรี่ เทย์เลอร์ เฟล็ทเชอร์ ที่ซัดด้วยซ้ายเข้าไปในจังหวะสุดท้าย

หลังจากนั้น ทั้งสองทีมไม่สามารถทำอะไรกันเพิ่มได้ จบเกม แมนฯ ซิตี้ บุกมาเอาชนะ แบล็คพูล ไปได้ 3-2 เก็๋บสามแต้ม ทำให้ขึ้นไปรั้งรองจ่าฝูงของตารางได้สำเร็จ โดยมี 17 แต้ม ตามหลัง เชลซี อยู่เพียงแค่สองแต้มเท่านั้น

รายชื่อผู้เล่นที่ลงสนามของทั้งสองทีม
แบล็คพูล : ระบบ 4-2-3-1
แม็ทธิว กิลค์ส (ผู้รักษาประตู), นีล เอิร์ดลี่ย์ (แม็ตต์ ฟิลลิปป์ น.75), เอียน อีวัตต์, เคร็ก แคธคาร์ท, สตีเฟ่น เครนี่ย์, เดวิด วอห์น, ชาร์ลี อดัม, แกรี่ เทย์เลอร์ เฟล็ทเชอร์, เอลเลียต กร็องแด็ง (มาร์ลอน แฮร์วู้ด น.66), ลุค วานี่ย์, ดัดลีย์ แคมป์เบลล์
สำรองที่ไม่ได้ใช้
ริชาร์ด คิงส์ตัน (ผู้รักษาประตู), ดาวิด คาร์นี่ย์, ลูโดวิช ซิลแวสตร์, เดเคล คีนาน, คีธ เซาเธิร์น
ผู้จัดการทีม : เอียน ฮอลโลเวย์

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ : ระบบ 4-4-2
โจ ฮาร์ท (ผู้รักษาประตู), เยโรม บัวเต็ง (ไมกาห์ ริชาร์ดส์ น.75), เวย์น บริดจ์, แว็งซองต์ กอมปานี, โจลีออน เลสค็อตต์, ไนเจล เด ยองก์, เจมส์ มิลเนอร์, แกเร็ธ แบร์รี่, อดัม จอห์นสัน (ปาทริค วิเอร่า น.85), คาร์ลอส เตเวซ, เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ (ดาบิด ซิลบา น.66)
สำรองที่ไม่ได้ใช้
เชย์ กิฟเว่น (ผู้รักษาประตู), พาโบล ซาบาเลต้า, ฌอน ไรท์-ฟิลลิปส์, โรเก้ ซานตา ครูซ
ผู้จัดการทีม : โรแบร์โต้ มันชินี่

ผู้ตัดสิน : ฟิล ดาวน์