วันจันทร์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ตอร์เรสเบิ้ล!หงส์ขยี้สิงห์2-0 ปืนพัง!สาลิกาบุกคว้าชัย1-0


ตอร์เรสเบิ้ล!หงส์ขยี้สิงห์2-0 ปืนพัง!สาลิกาบุกคว้าชัย1-0

ตอร์เรส ซัด 2 ลูก พา "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล เปิดรังขยี้จ่าฝูง "สิงห์บูลส์" เชลซี ไป 2-0 พาทีมขยับมารั้งอันดับ 9 ส่วน "ปืนใหญ่" อาร์เซน่อล พลิกล็อคพ่ายให้ "สาลิกาดง" นิวคาสเซิ่ล คาถิ่น 0-1 ศึกพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ

ศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ คู่บิ๊กแมตซ์ประจำวันอาทิตย์ที่ 7 พฤศจิกายน 2553 "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล เปิดรัง แอนฟิลด์ ต้อนรับการมาเยือน "สิงห์บูลส์" เชลซี

ลิเวอร์พูล ของ รอย ฮ็อดจ์สัน ถือว่าผลงานดีขึ้นตามลำดับ โดยชนะมาตลอดใน 3 เกมหลังสุด วันนี้ทีม "หงส์แดง" ต้องลุ้นเช็กความฟิตของ เดิร์ก เค้าท์ ที่ตอนนี้ สามารถกลับมาซ้อมได้แล้ว หลังจากที่พักยาว ส่วนในรายอื่น ๆ ทั้ง โจ โคล, แดเนี่ยล แอ็กเกอร์ และ ฟาบิโอ ออเรลิโอ นั้นต่างบาดเจ็บด้วยกันทั้งหมด

ในขณะที่ตัวหลักรายอื่น ๆ นั้นยังอยู่กันครบครัน นำโดย สตีเว่น เจอร์ราร์ด ที่เพิ่งทำแฮตทริกจากเกมที่ชนะ นาโปลี มาเมื่อกลางสัปดาห์ และ เฟร์นานโด ตอร์เรส ดาวยิงตัวเก่ง ที่สภาพร่างกายค่อย ๆ กลับมาเข้าฝักเต็มที

ทีมจ่าฝูงจะยังคงไม่มี แฟร้งค์ แลมพาร์ด มิดฟิลด์ตัวเก่งลงสนามเช่นเคย เนื่องจากอาการบาดเจ็บที่โคนขาหนีบยังไม่หายดี แต่ก็ยังโชคดีที่ ฟลอร็องต์ มาลูด้า ปีกชาวฝรั่งเศส นั้นผ่านการทดสอบความฟิต ลงกระชากลากเลื้อยทางฝั่งซ้ายได้อย่างแน่นอน

ส่วนตำแหน่งอื่น ๆ ยังต้องเช็กฟิต มิชาเอล เอสเซียง เล็กน้อย เนื่องจากมีอาการเป็นไข้ เช่นเดียวกับ โชเซ่ โบซิงวา แต่ก็น่าจะพร้อมที่ให้ คาร์โล อันเชล็อตติ ใช้บริการ ส่วนแกนหลักในเกมรุกและรับต่างอยู่กันครบ ไม่ว่าจะเป็น ดิดิเยร์ ดร็อกบา, นิโกล่าส์ อเนลก้า และ จอห์น เทอร์รี่

เริ่มเกมมาเป็น เชลซี ที่ได้เขี่ยลูกเริ่มเล่นก่อนบุกจากซ้ายไปขวา และเป็น ทีมเยือน ที่ได้โอกาสบุกใส่ จากจัหวะที่ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ไปทำฟาวล์ใส่ ยูริ ชีร์คอฟ บริเวณกลางสนาม และเป็น ฟลอร็องต์ มาลูด้า เป็นฟรีคิกเข้าไป แต่ กองหลังลิเวอร์พูล ยังช่วยกันเคลียร์ออกมาได้

น. 10 สาวก เดอะ ค็อป ได้เฮลั่น เมื่อ เดิร์ค เค้าท์ เปิดบอลจากกลางสนามเข้าไปในกรอบเขตโทษ เฟร์นานโด ตอร์เรส ที่โดนกองหลังประกบติด แต่ก็ยังได้จับบอลก่อน 1 จังหวะที่จะแปสวนทาง ปีเตอร์ เช็ก ที่ออกมาปิดเสาแรกเข้าไปเป็นประตูขึ้นนำเร็ว 1-0

น. 20 แม้จะได้ประตูออกนำเร็ว แต่ว่าวันนี้ "หงส์แดง" มาแปลกยังคงเปิดเกมบุกใส่ "สิงห์บูลส์" อยู่ตลอด ผิดกับ 2-3 เกมที่ผ่านมา พยายามตั้งรับและรอสวนกลับตลอด และจังหวะนี้ เฟร์นานโด ตอร์เรส โหม่งเช็ดบอล ไปให้ มักซี่ โรดริเกซ ได้วอลเลย์ แต่บอลเหินข้ามคานไปไกล

น. 27 เชลซี เกือบที่จะเสียจุดโทษ เมื่อ จอห์น เทอร์รี่ เคลียร์บอลออกมาไม่ดีมาติดตัว ยูริ ชีร์คอฟ และพยายามกระโดดเตะบอลทิ้ง แต่บอลไปโดนมือตัวเอง ผู้ตัดสิน ไม่ได้ว่าอะไรให้เล่นต่อ ทำให้รอดเสียจุดโทษไป

น. 32 มาร์ติน เคลลี่ ได้บอลอยู่นอกกรอบเขตโทษฝั่งขวา ตัดสินใจเลี้ยงบอลตัดเข้ากลาง ก่อนที่จะยิงด้วยซ้ายเต็มแรงบอลพุ่งเข้าหาประตู แต่ยังดีที่ จอห์น เทอร์รี่ ยืนอยู่พอดีสกัดเอาไว้ได้ทัน

ช่วง 5 นาทีท้าย เกมเปิดแลกกันอย่างสนุกสุกมันส์ และ เจ้าบ้าน มาบวกประตูที่ 2 จากจังหวะที่ แอชลี่ย์ โคล เสียบอลกลางสนาม และโดน ราอูล ไมเรเลส ฉกบอลเลี้ยงขึ้นมาหน้ากรอบเขตโทษก่อนที่จะปาดออกทางซ้ายให้ เฟร์นานโด ตอร์เรส เลี้ยงเข้ามาข้างใน มี บรานิสลาฟ อิวาโนวิช ยืนบัง แต่ตัดสินใจยิงด้วยขวาบอลโค้งเสียบเสา 2 เข้าไปอย่างสวยงาม

หมดเวลาครึ่งแรก ลิเวอร์พูล ออกนำ เชลซี 2-0

ครึ่งหลัง คาร์โล อันเชล็อตติ กุนซือใหญ่ของ เชลซี ตัดสินใจส่ง ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา กองหน้าไอวอรี่ โคตส์ ลงสนามไปแทนที่ ซาลูมอง กาลู

น.47 เริ่มครึ่งหลังมาได้ไม่นาน เจ้าถิ่นยังดูคึกคักอยู่ไม่ต่างจากครึ่งแรก เปิดฉากแป๊บเดียว เจอร์ราร์ด จ่ายบอลให้ มักซี่ โรดริเกซ พลิกยิงตรงมุมเขตโทษฝั่งซ้าย บอลพุ่งจะเสียบเสาแรก ปีเตอร์ เช็ก ยังรับไว้ทัน

น.59 เชลซี เริ่มขึงเกมไว้ได้เกือบทั้งสนาม บีบให้เจ้าถิ่นถอยลงไปรับต่ำ จนกระทั่งได้ฟรีคิกระยะอันตรายในจังหวะที่ มาร์ติน สเคอร์เทล ไปทำฟาวล์ ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา แล้วเป็นเจ้าตัวลุกขึ้นมาปั่นด้วยขวา อ้อมกำแพง บอลพุ่งเฉียดเสาออกไปแบบได้ลุ้น

น.61 จังหวะเข้าทำของ เชลซี บุกหนักเป็นพายุ เกือบได้ประตูตีไข่แตก จากจังหวะที่ จอห์น เทอร์รี่ ทิ่มบอลให้ ยูริ ชีร์คอฟ หลุดเข้าเขตโทษ ก่อนซัดเต็มข้อด้วยซ้ายข้างถนัด บอลพุ่งเข้าเสาแรก โฆเซ่ เรน่า ยังไวปัดทิ้งได้พอดี

น.66 เชลซี บุกหนักพร้อมกับครอบครองบอลไว้เหนือกว่าเจ้าถิ่น หวุดหวิดได้ประตูตีไข่แตกหลายครั้ง ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา เปิดบอลจากริมเส้นฝั่งขวา บอลพุ่งเข้ากลาง ฟลอร็องต์ มาลูด้า เข้าชาร์จจ่อๆ โดน โฆเซ่ เรน่า ผวาปัดได้อย่างน่าเหลือเชื่อ

น.74 ลิเวอร์พูล เกือบได้ประตูที่ 3 เมื่อได้ลูกเตะมุม สตีเว่น เจอร์ราร์ด เปิดเข้ากลาง โดน ดร็อกบา โหม่งเคลียร์ออกมาเข้าทาง ไมเรเลส ยิงซ้ำเข้าไปแฉลบอีกครั้ง บอลเข้าทาง เดิร์ค เค้าท์ ตวัดยิงเข้าไปอีกที ปีเตอร์ เช็ก ใช้ปลายเท้าเซฟไว้ได้หวุดหวิด

จบ 90 นาที ลิเวอร์พูล เปิดบ้านเอาชนะ เชลซี ไป 2-0 กระโดดขึ้นมารั้งอันดับ 9 มี 15 คะแนน ตามหลัง เชลซี ที่ยังรั้งจ่าฝูง อยู่ 10 คะแนน

รายชื่อผู้เล่น ลิเวอร์พูล
โฆเซ่ เรน่า - มาร์ติน เคลลี่, เจมี่ คาร์ราเกอร์, มาร์ติน สเคอร์เทล, พอล คอนเชสกี้ - ลูคัส เลว่า, เดิร์ค เค้าท์ (จอนโจ เชลวี่ย์ 84), ราอูล ไมเรเลส (เจย์ สเพียริง 90), สตีเว่น เจอร์ราร์ด, มักซี่ โรดริเกซ - เฟร์นานโด ตอร์เรส (ดาวิด เอ็นก๊อก 88)
สำรองไม่ได้ใช้
มาร์ติน แฮนเซ่น - มิลาน โยวาโนวิช, แดนนี่ วิลสัน, คริสเตียน โพลเซ่น

รายชื่อผู้เล่น เชลซี
ปีเตอร์ เช็ก - บรานิสลาฟ อิวาโนวิช (โชเซ่ โบซิงวา 70), จอห์น เทอร์รี่, อเล็กซ์, แอชลี่ย์ โคล - จอน โอบี มิเคล, รามิเรส, ยูริ ชีร์คอฟ (แดนียล สเตอร์ริดจ์ 76) - ฟลอร็องต์ มาลูด้า, ซาลูมอง กาลู (ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา 46), นิโกล่าส์ อเนลก้า
สำรองไม่ได้ใช้
รอสส์ เทิร์นบูลล์ - เปาโล แฟร์เรยร่า, กาแอล กากูต้า, โจชัว แม็คเอ็คเรน

อาร์เซน่อล 0-1 นิวคาสเซิ่ล

ที่สนาม เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม "ปืนใหญ่" อาร์เซน่อล เปิดรัง รับการมาเยือนของ "สาลิกาดง" นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด

อาร์แซน เวนเกอร์ ผู้จัดการทีมมาดละเมียดของ "เดอะ กันเนอร์ส" เรียกกองกลางตัวสำคัญอย่าง เชส ฟาเบรกาส กลับคืนสู่ทีมอีกครั้ง หลังจากที่ได้พักไปเต็มๆ เมื่อเกมกลางสัปดาห์ที่ "ปืนใหญ่" พ่ายให้กับ ชัคเตอร์ ไป 2-1 ขณะที่ โธมัส แฟร์มาเล่น ปราการหลังตัวแกร่งชาวเบลเยียม ก็ใกล้ที่จะกลับมาฟิตสมบูรณ์เต็มทีแล้ว แต่ยังไม่พร้อมสำหรับเกมนี้

นอกจากนี้ ในส่วนของขุมกำลังอื่นๆ อย่าง อาบู ดิอาบี้ และ คีแรน กิ๊บบ์ส ยังมีปัญหาอาการบาดเจ็บรบกวนอยู่ ลงสนามช่วยทีมไม่ได้อย่างแน่นอน เช่นเดียวกับ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ที่แม้จะถูกเรียกติดทีมชาติฮอลแลนด์ ในนัดอุ่นเครื่องกับ ตุรกี ไปแล้ว แต่ เวนเกอร์ ยังไม่ส่งลงใช้งานในเวลานี้ เนื่องจากร่างกายยังไม่ฟิตเต็มถัง เป็นแค่ตัวสำรอง

ทางด้านทีมเยือน โซล แคมป์เบลล์ ปราการหลังตัวเก๋าชาวเมืองผู้ดี หมดสิทธิ์ลงสนามพบกับทีมอู่ข้าวอู่น้ำเก่าของตัวเองอย่างแน่นอน เนื่องจากมีปัญหาอาการบาดเจ็บต้นขารบกวนอยู่ ทำให้ ฟาบิโอ โกลอสชินี่ ได้ยืนจับคู่กับ ไมค์ วิลเลียมสัน ในตำแหน่งเซ็นเตอร์ฮาล์ฟเหมือนเดิม ขณะที่ สตีเว่น เทย์เลอร์ ยังไม่ฟิตพร้อมสำหรับเกมนี้ แม้จะหายเจ็บกลับมาแล้วก็ตาม

ในเกมนี้ คริสต์ ฮิวจ์ตัน กุนซือของทัพ "สาลิกาดง" ถือว่ามีขุมกำลังที่ค่อนข้างสมบูรณ์พร้อม โดยมีเพียง แดน กอสลิ่ง กับ ฮาเต็ม เบน อาร์กฟา เท่านั้นที่ต้องปิดเทอมพักยาว ขณะที่ในส่วนของแนวรุก แอนดี้ คาร์โรลล์ กับ โชล่า อเมโอบี้ จะได้ลงยืนเป็นศูนย์หน้าคู่ล่าตาข่ายเหมือนเดิม

เริ่มเกม อาร์เซน่อล เป็นฝั่งเขี่ยลูกเริ่มเล่นบุกจากซ้ายไปขวา และโอกาสแรกเป็นของ นิวคาสเซิ่ล ได้บอลทางซ้ายโดย โฮนาส กูเตียร์เรซ แทงบอลขนานเส้นขึ้นหน้าให้ โชล่า อเมโอบี้ วางเข้ามากลางประตูจะให้ แอนดี้ คาร์โรลล์ แต่ถูกกองหลัง "ปืนใหญ่" โขกสกัดออกมาได้

น. 12 เจ้าบ้านเกือบได้ประตูขึ้นนำ เมื่อ แจ็ค วิลเชียร์ โดนทำฟาวล์ "ปืนใหญ่" ได้ฟรีคิก และเป็น เชส ฟาเบรกาส รับหน้าที่ยิงปั่นเข้าไปกลางประตูบอลไปโดนคานเต็มๆ ก่อนจะออกหลังไป

เกมในช่วง 30 นาทีแรกเป็นทางเจ้าบ้าน อาร์เซน่อล ได้เปิดเกมบุกเข้าใส่มากกว่าแต่ก็ยังไม่สามารถทำประตูขึ้นนำ นิวคาสเซิล ได้

น. 38 เจ้าบ้านบุกหนักหวังทำประตูขึ้นนำให้ได้ แจ็ค วิลเชียร์ ไหลบอลเข้ามาให้ ซามีร์ นาสรี่ หน้ากรอบเขตโทษเลี้ยงเข้าไปในเขตโทษก่อนจ่ายออกทางขวาให้ เชส ฟาเบรกาส ยิงอัดเข้าแฉลบกองหลัง นิวคาสเซิ่ล ออกหลังไปและจากจังหวะได้ลูกเตะมุม ฟาเบรกาส ไม่เปิดเข้าไปเเต่กลับจ่ายย้อนหลังไปสั้นๆ ให้ วิลเชียร์ ทำชิ่งกันกับ ฟาเบรกาส ทางฝั่งขวา ก่อนไหลบอลเข้าไปในกรอบเขตโทษ ให้ ซามีร์ นาสรี่ ยิงเต็มข้อ แต่ ทิม ครูล โชว์ซุปเปอร์เซฟปัดออกหลังไป

น. 44 ทีมเยือนได้ประตูออกนำไปก่อนจากจังหวะได้ลูกฟรีคิกกลางสนาม โจอี้ บาร์ตัน โยนยาวเข้าไปในในกรอบเขตโทษ แอนดี้ คาร์โรลล์ วิ่งเข้าไปโขกได้ก่อน ลูคัส ฟาเบียนสกี้ ที่ออกมาจะชกบอลพลาด นิวคาสเซิ่ล ขึ้นนำ 1-0 อาร์เซน่อล กลับมาเขี่ยลูกเริ่มเล่นได้ไม่กี่นาที ไมค์ ดีน ก็เป่านกหวีดหมดเวลา

หมดครึ่งแรก อาร์เซน่อล โดน นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด นำ 0-1

เริ่มครึ่งหลังมาได้เเค่ 2 นาที เจ้าบ้านก็เกือบตีเสมอได้จากจังหวะที่ แจ็ค วิลเชียร์ ครองบอลหน้ากรอบเขตโทษก่อนจ่ายยัดเข้ามาให้ วัลค็อตต์ ได้ซัดด้วยเท้าขวาบอลไปชนคานอย่างน่าเสียดาย

อาร์เซน่อล บุกต่อเนื่องนาทีที่ 51 อเล็กซ์ ซง ได้เปิดบอลจากสุดเส้นหลังฝั่งขวามากลางประตูจะให้ มารูยาน ชามัคห์ กองหน้าเพื่อนร่วมทีมเล่น แต่ แดนนี่ ซิมป์สัน ยังอาศัยเหลี่ยมบอลที่ดีกว่าชิงสกัดบอลออกมาได้

น. 67 นิวคาสเซิ่ล ได้ลูกเตะมุมครั้งแรกในเกม โนแลน เปิดโค้งมากลางประตู อเล็กซ์ ซง โขกสกัดบอลไปเข้าทาง คาร์โรลล์ กดเต็มข้อแฉลบกองหลัง อาร์เซน่อล ข้ามคานออกหลังไป

น. 81 "ปืนใหญ่" ยังเปิดเกมบุกอย่างหนัก อาชาร์วิน เลี้ยงหลอกกองหลัง นิวคาสเซิ่ล ทางริ่มเส้นฝั่งซ้ายก่อนเปิดเข้ามาให้ เชส ฟาเบรกาส ในกรอบเขตโทษก้มตัวโขกบอลยังไปเข้ามือของ ทิม ครูล อยู่ดี

ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ "ปืนใหญ่" มาเหลือผู้เล่น 10 คนเมื่อ โลร็องต์ กอสเซียลนี่ มาโดนใบแดงไล่ออกจากสนามเพราะไปดึง นีล เรนเจอร์ ตัวสำรองของ นิวคาสเซิ่ล ที่หลุดเดี่ยวไปแล้วล้มลงไปและในช่วงเวลาที่เหลือ อาร์เซน่อล ก็ไม่สามารถทำประตูตีเสมอได้

จบเกม อาร์เซน่อล เปิดบ้านแพ้ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด 0-1

รายชื่อนักเตะของทั้ง 2 ทีม
อาร์เซน่อล : ระบบ 4-4-2
ลูคัส ฟาเบียนสกี้ (ผู้รักษาประตู) - บาการี่ ซานญ่า, เซบาสเตียง สกิลลาชี่, โลร็องต์ กอสเซียลนี่, กาแอล กลิชี่ - ธีโอ วัลค็อตต์, เชส ฟาเบรกาส, อเล็กซ์ ซง, ซามีร์ นาสรี่ (อังเดร อาชาร์วิน น. 56) - แจ็ค วิลเชียร์ (นิคลาส เบนท์เนอร์ น. 73), มารูยาน ชาร์มัค (โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ น. 58)

นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด : ระบบ 4-4-2
ทิม ครูล (ผู้รักษาประตู) - แดนนี่ ซิมพ์สัน, ฟาบริซิโอ โกลอชชินี่, ไมค์ วิลเลียมสัน, โฆเซ่ เอ็นริเก้ - เควิน โนแลน, โจอี้ บาร์ตัน, ชีค ติโอเต้, โฮนาส กูเตียร์เรซ - แอนดี้ คาร์โรลล์, โชล่า อเมโอบี้ (นีล เรนเจอร์ น. 82)

ผู้ทำตัดสิน: ไมค์ ดีน