วันอาทิตย์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2553

เรือใบเชือดนิ่มสิงห์1-0 เตเวซยิงลูกโทนนำชัย


เรือใบเชือดนิ่มสิงห์1-0 เตเวซยิงลูกโทนนำชัย

แพ้ทางกันตั้งแต่อยู่อิตาลี! "เรือใบสีฟ้า" เปิดบ้านเฉือนชนะ "สิงห์บูลส์" 1-0 จากประตูโทน ของ "คาลิโต้" จากความผิดพลาดของ "รามิเรส" กลางสนาม น.60

ศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ คู่แรกประจำวันที่ 25 กันยายน 2553 เป็นบิ๊กแมตซ์ประจำสัปดาห์นี้ ที่ อิสต์แลนด์ส ระหว่าง สองทีมมหาเศรษฐีบนเวทีนี้ "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์

ซิตี้ เปิดรัง ซิตี้ ออฟ แมนเชสเตอร์ สเตเดี้ยม รับการมาเยือน "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี ทีมจ่าฝูงในเวลานี้ ที่เก็บชนะมาตลอดตั้งแต่เปิดซีซั่นนี้

โรแบร์โต้ มันชินี่ นายใหญ่ "เรือใบสีฟ้า" ยังต้องลุ้นสภาพความฟิตของ 2 แนวรับคนสำคัญ ทั้ง โจเลออน เลสค็อตต์ และ เยโรม บัวเต็ง ที่มีแนวโน้มฟื้นตัวไม่ทันในเกมสุดสัปดาห์นี้ค่อนข้างสูง เช่นเดียวกับ ณอน ไรท์-ฟิลิปป์ ปีกร้อยแรงม้า ที่ยังไม่พร้อมสำหรับการพบอดีตต้นสังกัดเก่า

ส่วนขุมกำลังในแนวรุกนั้น คงต้องพึ่งฝากความหวังไว้ที่ความร้อนแรงของ คาร์ลอส เตเวซ หอกตัวกลั่นเช่นเดิม ขณะที่ตัวสนับสนุนนั้น น่าจะเป็นโอกาสของ ดาบิด ซิลบา ที่เริ่มปรับตัวกับเข้ากับลีกเมืองผู้ดีได้มากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว ส่วน อดัม จอห์นสัน มีสิทธิ์ถูกพักเพราะเพิ่งผ่านเกมคาร์ลิ่ง คัพ ช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมาแบบเต็ม 90 นาที

ด้าน "สิงห์บลูส์" ยังไม่สามารถใช้บริการ แฟร้งค์ แลมพาร์ด มิดฟิลด์ตัวเก่ง ได้เช่นเดิม และน่าจะพลาดในอีก 3 เกมถัดไป นอกจากนี้ ยังหมดสิทธิ์ใช้งาน 3 ผู้เล่นตัวสำรอง อย่าง ซาโลมง กาลู, ยอสซี่ เบนายูน และ กาแอล กากูต้า ก็ยังมาได้รับบาดเจ็บจากคาร์ลิ่ง คัพ พร้อมๆ กันอีกต่างหาก

อย่างไรก็ดี คาร์โล อันเชล็อตติ มีขุมกำลังใช้เลือกใช้งานอย่างเหลือเฟือ โดยจะยึดผู้เล่นที่ดีที่สุดในตอนนี้ลงสนามพร้อมกัน ไม่ว่าจะเป็น มิชาเอล เอสเซียง, ฟลอร็องต์ มาลูด้า, นิโกล่าส์ อเนลก้า และ ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา ที่กำลังอยู่ในช่วงเข้าฝักสุดๆ

เริ่มเกม เจ้าบ้าน ได้บุกจากขวาไปซ้าย โดยที่ทั้งสองทีมพยายามเปิดเกมรุกใส่กันตั้งแต่เริ่ม และผลัดกันครองบอลอยู่ในแดนกลาง และเป็น ทาง แมนฯ ซิตี้ ที่มีโอกาสได้ทักทาย เชลซี ก่อนจากจังหวะที่ ไนเจล เด ยองก์ ตัดบอลได้กลางสนาม ก่อนที่จะจ่ายให้ คาร์ลอส เตเวซ สปีดหนี กองหลังทีมเยือน และได้ยิงระยะ 20 หลา บอลหลุดออกเสาแรกไปนิดเดียว

น. 15 เกมยังคงผลัดกันรุก ผลัดกันรับ เป็นทาง ทีมเยือน ครองบอลอยู่หน้ากรอบเขตโทษ พยามยามหาจังหวะยิง แต่ก็โดน กองหลัง ช่วยกันบล็อกสกัด และแย้งบอลสวนกลับ และได้โอกาสยิง แต่ก็ถูก ปีเตอร์ เช็ก เซฟเอาไว้ได้

น. 24 เจ้าบ้าน ได้โอกาสเตะมุม เป็น เจมส์ มิลเนอร์ ที่เปิดบอลโค้งเข้ามา และเป็นทาง โคโล ตูเร่ ขึ้นแย้งโหม่งได้ก่อน กองหลังทีมเยือน แต่บอลก็เบาไป ปีเตอร์ เช็ก รับไว้ได้สบาย และถัดมานาทีเดียว ทีมเยือน ได้เตะมุมบ้าง ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา เล่นสั้นส่งบอลมาให้ ฟลอร็องต์ มาลูด้า เปิดบอลเข้ามา อเล็กซ์ ได้โหม่ง แต่บอลไปชนคานเข้าอย่างจัง และยังกระดอนมาเข้าทาง บรานิสลาฟ อิวาโนวิช ได้โหม่ง โจ ฮาร์ท ปัด แต่บอลก็ยังมาเข้าทาง อิวาโนวิช อีกครั้ง และได้โหม่งอีกที แต่ครั้งนี้ โจ ฮาร์ท กระโดดเซฟเอาไว้ได้

น. 34 เกมมาเริ่มที่จะมันส์ขึ้นเรื่อยๆ เมื่อ ทั้งสองทีมเปิดเกมรุกใส่กัน เพื่อที่จะต้องการประตูขึ้นนำ ไม่มีฝ่ายไหนที่จะยอมกันเลย บอลส่วนมาจะมาเสียกันที่กลางสนามก่อนที่จะเข้ากรอบเขตโทษ และใบเหลืองแรกของเกมก็มา เป็นของทาง ปาโบล ซาบาเลต้า ที่เข้าสกัดบอล จาก บรานิสลาฟ อิวาโนวิช ที่ได้บอลจาก จอห์น โอบี มิเกล ที่ส่งสั้นไปเกือบที่จะยื่นเฝือกให้เพื่อน

เข้าสู่ช่วงท้ายครึ่งแรก ทั้งสองทีมไม่มีวี่แววที่จะผ่อนเกมรุกกันลงบ้างเลย มีแต่ที่จะบุกใส่กันเพื่อต้องการประตู

หมดครึ่งแรก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เสมอ เชลซี 0-0

เริ่มเกมครึ่งหลัง ทั้งสองทีมยังคงไม่มีการขยับปรับเปลี่ยนตัวผู้เล่น และเป็น เชลซี ที่เปิดเกมบุก และได้ทักทายก่อนจากจังหวะที่ นิโกล่าส์ อเนลก้า ได้บอลจากเพื่อนอยู่กลางกรอบเขตโทษ ก่อนที่จะตัดสินใจยิงด้วยขวาระยะ 20 หลา บอลพุ่งเข้าหาโกล์ แต่ โจ ฮาร์ท ก็พุ่งปัดออกหลังไปได้

น. 54 เกมยังคงเปิดแลกกันสนุก ดาบิด ซิลบา ได้บอลจาก ไนเจล เด ยองก์ ในกรอบเขตโทษทางฝั่งซ้าย ก่อนที่จะกดด้วยซ้ายบอลพุ่งเข้าหาประตู แต่ ปีเตอร์ เช็ก ที่ยืนอยู่ตรงนั้นก็ต้องออกแรงปัดออกหลังไป

น. 60 เป็นทาง แมนฯ ซิตี้ ที่ได้ประตูออกนำไปก่อน 1-0 จากจังหวะพลาดกลางสนามของ รามิเรส จนถูก คาร์ลอส เตเวซ ฉกบอลไป ก่อนที่จะเลี้ยงบอลไปคนเดียวไปหน้ากรอบเขตโทษ ก่อนที่จะล็อคเข้าเท้าขวาข้างถนัด และตัดสินใจยิงบอลพุ่งเสียบเสาแรกเข้าไป

น. 68 หลังโดนนำ คาร์โล อันเชล็อตติ อยู่นิ่งไม่ได้ตัดสินใจเปลี่ยนตัวผู้เล่น โดยถอดเอา จอห์น โอบี มิเกล ออกและส่ง ยูริ เซียร์คอฟ ลงมาทำเกมแทน หลังจากที่ มิเกล ไม่ค่อยมีจังหวะในการทำเกม และหายไปจากเกม

น. 76 เชลซี ได้ลูกฟรีคิทางฝั่งซ้ายของกรอบเขตโทษจากจังหวะที่ โบยัตต้า เข้าทำฟาวล์ ซีร์คอฟ เป็น ฟลอร็องต์ มาลูด้า รับหน้าที่เปิดเข้ามา และเป็น อเล็กซ์ ที่ได้โหม่งเช็ด บอลเฉือดออกเสาสองไปนิดเดียว

น. 83 จอห์น เทอร์รี่ ทำฟาวล์ เตเบซ หน้ากรอบเขตโทษเยื้องออกมาทางซ้าย ผู้ตัดสิน เป่าให้ แมนฯ ซิตี้ ได้ฟรีคิก และ คาร์ลอส เตเบซ ลุกขึ้นมารับหน้าที่สังหาร แต่ก็ปั่นบอลข้ามกำแพงไปแบบไม่มีลุ้นเลย

ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ 4 นาที เชลซี พยายามเปิดเกมรุกอย่างหนัก หวังทำประตูตีเสมอ แต่ก็ถูกผู้เล่น แมนฯ ซิตี้ ช่วยกันสกัดและเคลียร์บอลออกมา และเกือบที่จะโดนลูกที่ 2 จากจังหวะสวนกลับ แต่ ผู้เล่นเจ้าบ้าน ก็ทำกันไม่ได้

จบเกม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เปิดบ้านชนะ เชลซี 1-0

รายชื่อผู้เล่น แมนเชสเตอร์ ซิตี้
โจ ฮาร์ท - เดดริก โบยาต้า (เยโรม บัวเต็ง น.88), โคโล ตูเร่, แว็งซ็อง กองปานี, ปาโบล ซาบาเลต้า - แกเร็ธ แบร์รี่, ไนเจล เด ยองก์, ยาย่า ตูเร่, เจมส์ มิลเนอร์, ดาบิด ซิลบา (อดัม จอห์นสัน น. 77) - คาร์ลอส เตเวซ (เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ น. 86)

สำรองไม่ได้ใช้
เชย์ กิฟเว่น - โจเลออน เลสค็อตต์, ปาทริค วิเอร่า, โจ

รายชื่อผู้เล่น เชลซี
ปีเตอร์ เช็ก - บรานิสลาฟ อิวาโนวิช, จอห์น เทอร์รี่, อเล็กซ์, แอชลี่ย์ โคล - รามิเรส (โจชัว แม็คอีชแรนด์ น.80), มิชาเอล เอสเซียง, จอห์น โอบี มิเกล (ยูริ เซียร์คอฟ น.68), ฟลอร็องต์ มาลูด้า - นิโกล่าส์ อเนลก้า, ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา (ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ น.75)

สำรองไม่ได้ใช้
รอสส์ เทิร์นบูลล์ - เปาโล แฟร์ไรร่า, แพทริค วาน อานโฮล์ท, กาแอล กากูต้า