วันจันทร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2553

วิลล่าควงปั้นหม้อบุกซิว2-1 เก็บ3แต้มซุปเปอร์ซันเดย์


วิลล่าควงปั้นหม้อบุกซิว2-1 เก็บ3แต้มซุปเปอร์ซันเดย์

ได้นายใหม่อะไรก็ดี! "สิงห์ผยอง" บุกมายัดเยียดคว้าปราชัย "หมาป่าผู้ดี" 2-1 "เฮสกี้" โหม่งชัย ส่วน "ช่างปั้นหม้อ" ก็ฟอร์มหรู บุกเชือด "สาลิกาดง" 2-1 เก็บสามแต้มเต็มทั้งคู่

ศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ คู่ที่ 2 ประจำวันอาทิตย์ที่ 26 กันยายน 2553 เป็น ดาร์บี้แมตซ์แดนมิดแลนด์ ระหว่าง "หมาป่า" วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอร์เรอร์ส เปิดรัง โมลินิวซ์ กราวนด์ ต้อนรับการมาเยือน "สิงห์ผยอง" แอสตัน วิลล่า

วูล์ฟแฮมป์ตัน ของ มิค แม็คคาร์ธี่ จัดชุดผสมเล่นกว่า 120 นาที กว่าที่จะผ่านเข้ารอบ คาร์ลิ่ง คัพ โดยมีการเปลี่ยนแปลงตัวผู้เล่นถึง 9 คน เลยที่เดียว ส่วนนักเตะที่ได้รับบาดเจ็บมาก่อนหน้าอย่าง สตีเฟ่น ฮันท์, ไมเคิล ไคท์ลี่ และ โรนัลด์ ซุบาร์ พร้อมที่จะกลับมาช่วยทีม และแถมด้วย คริสโตฟ เบอร์ร่า ฟิตพอที่จะมาเป็นสำรองข้างสนามเช่นกัน

ด้าน วิลล่า เพิ่งจะได้กุนซือใหม่ถอดด้ามมาอย่าง เชราร์ อุลลเย่ร์ ที่จะได้รับหน้าที่เต็มตัวในการคุมทัพครั้งแรกในพรีเมียร์ลีก ส่วนในเกม คาร์ลิ่ง คัพ เมื่อกลางสัปดาห์ที่เปิดบ้านเอาชนะ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ มา 3-1 ในเกมนี้ กาเบรียล อักบอนลา

ฮอลร์ น่าที่จะฟิตเต็มที และน่าจะที่ได้ลงเล่นเป็นตัวจริงตั้งแต่เริ่มเกม ส่วนในราย สตีเว่น ไอร์แลนด์ ที่ด้รับบาดเจ็บตอนซ้อมก็น่าที่จะพร้อมเช่นกัน แต่ว่าทีมจะไม่มี ริชาร์จ ดันน์ เซนเตอร์ตัวเก่งที่ยังไม่หายจากอาการบาดเจ็บ ขณะที่ตัวหลักรายอื่นๆ ที่ได้พักจากเกมกลางสัปดาห์มาจะกลับลงมาเป็นตัวจริงอีกครั้ง

เริ่มเกมมา ช่วง 10 นาทีแรก ทั้งสองทีมบุกใส่กันเพื่อหวังทำประตูให้ได้ โดยที่บอลส่วนมากจะมาเสียกันอยู่ที่กลางสนาม แต่ก็ยังไม่มีทีมใดที่จะเพลี่ยงพร่ำเสียประตู และโอกาสแรกของ วิลล่า ก็มา เมื่อ มาร์ค อัลไบรท์ตัน เปิดบอลโค้งมาจากนอกกรอบเขตโทษฝั่งขวา ให้ เอมิล เฮสกี้ ที่รออยู่ในกรอบเขตโทษ บอลเลยกองหลัง วูล์ฟส์ มา แต่ เฮสกี้ จับบอลไม่ดีออกหลังไป

น. 19 เดวิด โจนส์ ส่งบอลพลาดกลางสนาม มาร์ค อัลไบรท์ตัน ตัดบอลได้ก่อนที่จะเลี้ยงขึ้นมา มีเพื่อนรออยู่ แต่ไม่ส่ง ตัดสินใจยิงบอลไปตรงตัว มาร์คัส ฮาห์เนมานน์ รับไว้ได้สบาย

น. 24 แอสตัน วิลล่า ออกนำ ไปก่อน 1-0 จากจังหวะที่ มาร์ค อัลไบรท์ตัน ได้บอลมาจาก เอมิล เฮสกี้ ก่อนที่จะบรรจงเปิดเรียดจากนอกกรอบเขตโทษฝั่งขวา บอลผ่าน กองหลังวูล์ฟส์ มา และมี สจ็วร์ต ดาวนิ่ง รอชาร์ต อยู่ที่เสาไกล แปบอลเข้าไปง่ายๆ โดยที่ไม่มีผู้เล่นของ เจ้าถิ่นเข้ามาประกบ

น. 34 เจ้าบ้านน่าที่จะได้ประตูตีเสมออย่างมาก เมื่อ สตีเว่น เฟล็ตเชอร์ ได้กระโดดวอลเลย์ด้วยซ้าย ระยะ 18 หลา บอลพุ่งเข้าหาประตู แต่โดน แบร๊ด ฟรีเดล เซฟเอาไว้ได้ บอลก็ยังกระดอนมาเข้าทาง เฟล็ตเชอร์ อีกครั้ง ก่อนที่จะจ่ายเข้ามาให้ เควิน ดอยล์ ได้ยิงจ่อๆ บอลไปติดบล็อค ฟรีเดล ออกหลังได้เป็ลูกเตะมุม

ช่วง 5 นาทีก่อนทดเวลาบาดเจ็บ เป็นทาง วิลล่า ที่ครองเกมบุก และมีจังหวะเข้าทำมากกว่า แต่ว่าทาง วูล์ฟส์ ก็ไม่ยอมให้จบสกอร์นี้ในครึ่งแรก พยายามช่วยกันแย่งบอล เพื่อที่จะหวังทำประตูตีเสมอ แต่ก็ทำไม่ได้

หมดครึ่งแรก วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอร์เรอร์ส ถูก แอสตัน วิลล่า บุกมานำถึงถิ่น 0-1

เริ่มเกมครึ่งหลัง ทั้งสองทีมยังคงบุกใส่กันและมีโอกาสทั้งคู่ และ วิลล่า ก็เกือบที่จะโดนตีเสมอ จากจังหวะสวนกลับ และเป็น สตีเฟ่น วอร์น็อค ที่จับบอลกระฉอกกลางสนามไม่ดีบอลห่างตัวและไปเข้าทาง เควิน ดอยล์ ทำให้ วอร์น็อค ต้องตัดฟาวล์ และเกือบที่จะโดนใบเหลืองใบที่ 2 แต่ดีที่ผู้ตัดสินยังใจดี แค่ตักเตือน ได้ฟรีคิกโยน เข้าไปในกรอบเขตโทษ และชุลมุนอยู่ในกรอบเขตโทษ เดวิด โจนส์ ได้หวดด้วยซ้าย ระยะ 20 หลา แต่โดน เจมส์ คอนลินส์ บล็อกไว้ได้ทัน

น. 60 หลังจากที่บุกกดดันมานาน วูล์ฟส์ มาได้ประตูตีเสมอสำเร็จ 1-1 จากลูกเปิดของ แมทธิว ยาร์วิส ทางริมเส้นฝั่งซ้าย เปิดด้วยขวาจากระยะ 30 หลา บอลโค้งเข้าหาประตูมาเหมือนจะไม่มีอะไร และมีนักเตะ วูล์ฟส์ กระโดดเข้ามาทำให้ แบร๊ด ฟรีเดล ชะงักไม่กล้าออกมารับบอล ทำให้บอลเข้าไปตุงตะข่ายอย่างง่ายดาย

น. 69 ไนเจล รีโอ-โคเกอร์ จ่ายบอลจากกลางสนามไปให้ แอชลี่ย์ ยัง ใช้ความสามารถเฉพาะตัว โยกหลอก โจดี้ แครดด็อค 2-3 จังหวะ มากลางกรอบเขตโทษ ก่อนที่จะยิงด้วยขวาเน้นๆ บอลพุ่งเกือบจะเสาใต้คาน แต่ดีที่ มาร์คัส ฮาห์เนมานน์ กระโดดปัดเอาไว้ได้แค่ปลายนิ้ว

น. 80 หลังจากที่เกมกลับมาเสมอกันที่ 1-1 เป็นทาง วูล์ฟส์ ที่มีการขัยบปรับเปลี่ยนตัวผู้เล่น เพื่อหวังที่จะเอาชนะให้ได้ กลับกัน วิลล่าที่ส่ง กาเบรียล อักบอนลาฮอลร์ ลงมากก่อนหน้านี้สักพัก กลับไม่มีบทบาท และแทบจะไม่มีส่วนร่วมกับเกมเลยแม้แต่น้อย แถมถูก เจ้าบ้าน บุกกดดันอยู่ฝ่ายเดียว

น. 87 ทั้งที่โดนบุกมาตลอด กลับเป็นทาง วิลล่า ที่ทำประตูขึ้นนำ 2-1 จากการเปิดบอลของ สตีเฟ่น วอร์น็อค เข้าไปกลางกรอบเขตโทษ เอมิล เฮสกี้ กระโดดขึ้นโหม่งได้ก่อน กองหลังเจ้าบ้าน เข้าไป

ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ 4 นาที เจ้าบ้าน กลับบุกหนักใส่ ทีมเยือน เพื่อหวังตีเสมอให้ได้ แต่ เกมก็ต้องมาหยุดสักพัก เมื่อ สตีฟ ซิดเวลด์ เข้าตัดบอลช้าใส่ อัดเลน เกดิยูร่า รับใบเหลืองไป หลังจากนั้น ผู้เล่น วิลล่า พยายามช่วยกันเคลียร์บอลให้พ้นปากประตู เพื่อรักษาสกอร์

จบเกม วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอร์เรอร์ส ถูก แอสตัน วิลล่า บุกมายัดเยียดความปราชัยถึงถิ่น 1-2

รายชื่อผู้เล่น วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอร์เรอร์ส
มาร์คัส ฮาห์เนมานน์ - เควิน โฟลี่ย์ (ริชาร์ต สเตียร์เเมน น. 71), โจดี้ แครดด็อค, คริสตอฟ เบอร์ร่า, สตีเฟ่น เวิร์ด (จอร์จ เอโลโคบี้ น. 38) - เดวิด เอ็ดเวิดร์ (อัดเลน เกดิยูร่า น. 81), คาร์ล เฮนรี่, เดวิด โจนส์, แมทธิว ยาร์วิส - สตีเว่น เฟล็ตเชอร์, เควิน ดอยล์

สำรองไม่ได่ใช้
เวย์น เฮนเนสซี่ - มาร์คัส เบนท์, ซิลแว็ง อีแบงค์ส-เบล็ค, เนนาด มิลลิยาช

รายชื่อผู้เล่น แอสตัน วิลล่า
แบร๊ด ฟรีเดล - ลุค ยัง, คาร์ลอส เกยาร์, เจมส์ คอนลินส์, สตีเฟ่น วอร์น็อค - มาร์ค อัลไบรท์ตัน (กาเบรียล อักบอนลาฮอลร์ น. 66), ไนเจล รีโอ-โคเกอร์, สติลิยัน เปตรอฟ (สตีฟ ซิดเวลด์ น. 85), สจ็วร์ต ดาวนิ่ง - แอชลี่ย์ ยัง, เอมิล เฮสกี้

สำรองไม่ได้ใช้
แบร็ด กูซาน - เอริค ริชาจ, แบร์รี่ แบนแนน, สตีเฟ่น ไอร์แลนด์, เคอร์ติส เดวิส

นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด 1-2 สโต๊ค ซิตี้

การแข่งขันฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ คู่สุดท้ายของสัปดาห์ในคืนวันอาทิตย์ที่ 26 กันยายน 2553 เป็นการพบกันระหว่าง "สาลิกาดง" นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด เปิดบ้าน เซนต์ เจมส์ ปาร์ค พบกับ "ช่างปั้นหม้อ" สโต๊ค ซิตี้ โดยนัดก่อนหน้านี้ ทั้งสองทีมต่างสามารถเก็บชัยในถ้วย ลีกคัพ มาได้ทั้งคู่ โดย นิวคาสเซิ่ล สามารถบุกไปอัด เชลซี มาได้ 4-3 และ สโต๊ค เฝ้าบ้าน ชนะ ฟูแล่ม ไป 2-0

"สาลิกาดง" วันนี้ คริส ฮิวจ์ตัน พบปัญหาในการจัดทีมเล็กน้อย เมื่อไม่สามารถใช้งาน สตีฟ ฮาร์เปอร์ ผู้รักษาประตูตัวจริงได้ เลยต้องใช้บริการ ทิม ครูล ดาวรุ่งชาว ดัตช์ เผ้าเสาแทนที่ ส่วนตำแหน่งอื่นๆ มาในระบ 4-5-1 มี แอนดี้ คาร์โรลล์ รับบทบาทเป็นกองหน้าตัวเป้า ส่วนตัวสนับสนุนในแนวรุกมี เควิน โนแลน, ฮาเต็ม เบน อาร์กฟา และ เวย์น เราท์เลดจ์ โดยมี โจอี้ บาร์ตัน และ อิสมาเอล ติโอเต้ คอยปัดกวาดอยู่หน้ากองหลัง

ส่วน "ช่างปั้นหม้อ" ของ พูลลิส มาในระบบ 4-4-2 โดยมี โจนาธาน วอลเตอร์ส จับคู่กับ เคลวิน โจนส์ ในแดนหน้าเหมือนเคย โดยมี ดีน ไวท์เฮด ช่วยกับ แม็ทธิว แอทเธอริงตัน ในการขับเคลื่อนเกมในแนวรุก ส่วนกองหลังตัวกลางยังคงใช้งาน โรเบิร์ต ฮูธ คู่กับ ไรอัน ชอว์ครอสส์ และในด้านตัวสำรองมีตัวทีเด็ดรออีกเพียบ ไอเดอร์ กุ๊ดยอร์นเซ่น, ริคาร์โด้ ฟูลเลอร์ และ รอลี่ ดีแล็ป

เริ่มเกมครึ่งแรกขึ้นมา เกมของทั้งคู่ไม่สามารถเดินเกมรุกใส่กันได้เลย การครอบครองบอลส่วนใหญ่อยู่บริเวณกลางสนาม แทบจะไม่มีการทำเกมรุกเข้าใส่จนถึงพื้นที่สุดท้ายของอีกฝั่งได้

น.18 นิวคาสเซิ่ล มาได้ฟรีคิกน่ารักน่าลุ้นและเป็น เบน อาร์กฟา ที่ตัดสินใจซัด แต่บอลข้ามคานออกไปไกล

น.21 เจ้าบ้านยังคงบุกได้เสียงกว่า จังหวะนี้ โจอี้ บาร์ตัน ป้ายบอลไปทางซ้ายให้กับ เอ็นริเก้ หลุดขึ้นมาแล้วลากบอลทะลุเข้ากรอบเขตโทษ ก่อนเปิดเรียดเข้ากลางมา แต่ไม่มีใครเข้าชาร์ทถึงบอลได้ทัน

น.33 สาลิกาดง มาได้ลุ้นประตูสองจังหวะติดๆจากลูกฟรีคิก จังหวะแรกเป็น โจอี้ บาร์ตัน ที่ตัดสินใจซัดด้วยขวา ระยะประมาณ 30 หลา ไปติดกำแพง ส่วนอีกจังหวะเป็น เบน อาร์กฟา ที่เป็นคนสังหารฟรีคิก ระยะประมาณ 30 หลาเยื้องมาทางขวาของกรอบเขตโทษด้วยซ้าย แต่ก็ข้ามคานออกไป เช่นกัน

น.43 นิวคาสเซิ่ล มาได้ประตูขึ้นนไจนได้ เมื่อ โรเบิร์ต ฮูธ ไปเบียดชน แอนดี้ คาร์โรลล์ ล้มลงในกรอบเขตโทษ จากจังหวะกำลังพุ่งโหม่ง ไมค์ โจนส์ ผู้ตัดสินในสนาม ไม่รอช้า เป่าเป็นลูกโทษทันที เควิน โนแลน รับหน้าที่สังหารด้วยขวาเน้นๆ ไม่เหลือซาก ทำให้ "สาลิกาดง" ออกนำ "ช่างปั้นหม้อ" 1-0

หลังจากนั้น ทั้งสองทีมไม่สามารถทำอะไรกันเพิ่มเติมได้ จบครึ่งแรก นิวคาสเซิ่ล ออกนำ สโต๊ค 1-0

เริ่มเกมครึ่งหลังขึ้นมา ทั้งสองทีมไม่สามารถทำอะไรได้มากในช่วงแรก จนมาในนาทีที่ 59 สโต๊ค ซิตี้ เกือบได้ประตูตีเสมอ เมื่อ เคลวิน โจนส์ ได้โขกเต็มๆ ไปชนเสา บอลกระเด็นออกมา และเป็น ฟูลเลอร์ ที่ได้ซัดเน้นๆโล่งๆ แต่บอลไหลออกข้างไปนิดเดียว

น.61 สโต๊ค ยังคงบุกเข้าใส่อย่างต่อเนื่อง และเป็น เคลวิน โจนส์ ที่ได้โขกอีกครั้งไปชนเสาอย่างจัง และจากจังหวะเกมรุกของ สโต๊ค อย่างต่อเนื่อง

และ สโต๊ค ก็มาได้ประตูตีเสมอ จากจังหวะเกมรุกที่เดินเครื่องกดดันเจ้าบ้านอย่างต่อเนื่อง เป็น ฟูลเลอร์ ที่ได้บอลทางขวาของกรอบเขตโทษ และโดน โฆเซ่ เอ็นริเก้ เข้าชนทำฟาล์วตัดเกมอย่างจังทำให้ไหล่หลุด เป็นเหตุต้องออกจากสนามไปอย่างรวดเร็ว ทั้งที่เพิ่งถูกส่งลงมาในสนาม และจากจังหวะต่อมาในช่วงนาทีที่ 67 แม็ทธิว แอทเธอริงตัน เปิดลูกฟรีคิกเข้ามา เป็น โรเบิร์ต ฮูธ ที่โหม่งชงจากเสาสองเข้ากลางไปให้ เคลวิน โจนส์ โถมเข้ามาโขกเหน่งๆเข้าไป เป็นประตูตีเสมอให้ สโต๊ค เสมอกับ นิวคาสเซิ่ล เป็น 1-1

น.74 นิวคาสเซิ่ล มาเปลี่ยนตัวเป็นคนที่สอง โดยเพิ่มแนวรุก เอา โชล่า อเมโอบี้ ที่ซัดสองลูกในนัดที่แล้ว เปลี่ยนลงมาแทนที่ อิสมาเอล ชีค ติโอเต้ กองกลางตัวรับ

น.85 สโต๊ค ซิตี้ มาได้ประตูออกนำ 2-1 จนได้ จากจังหวะที่ สโต๊ค ได้เปิดครอสมาจากทางกราบซ้าย เจมส์ เฟิร์ช พยายามจะโหม่งสกัดออกหลัง แต่ผิดเหลี่ยมบอลพุ่งเข้าประตูไป

หลังจากนั้น ทั้งสองทีมไม่สามารถทำอะไรกันเพิ่มเติมได้ จบเกม สโต๊ค ซิตี้ บุกมาเอาชนะ นิวคาสเซิ่ล ไปได้ 2-1 เก็บสามแต้มสำคัญได้สำเร็จ

รายชื่อผู้เล่นที่ลงสนามของทั้งสองทีม
นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด : ระบบ 4-2-3-1
ทิม ครูล์ (ผู้รักษาประตู), เจมส์ เพิร์ช, ฟาบริซิโอ โคลอชชินี่, ไมค์ วิลเลี่ยมสัน, โฆเซ่ เอ็นริเก้, เวย์น เราท์เลดจ์, เควิน โนแลน, โจอี้ บาร์ตัน, อิสมาเอล ชีค ติโอเต้ (โชล่า อเมโอบี้ 74), แอนดี้ คาร์โรลล์, ฮาเต็ม เบน อาร์กฟา (โฮนาส กูเตียร์เรซ 62)
ผู้จัดการทีม : คริส ฮิวจ์ตัน

สโต๊ค ซิตี้ : ระบบ 4-4-2
โธมัส โซเรนเซ่น (ผู้รักษาประตู), โรเบิร์ต ฮูธ, ไรอัน ชอว์ครอสส์, แอนดี้ วิลคินสัน, แดนนี่ คอลลิ่นส์, ซาลีฟ ดิเยา (ริคาร์โด้ ฟูลเลอร์ 49) (ไอเดอร์ กุ๊ดยอร์นเซ่น 67), เกล็น วีแลน (รอลี่ ดีแล็ป 57), ดีน ไวท์เฮด, แม็ทธิว แอทเธอริงตัน, โจนาธาน วอลเตอร์ส, เคลวิน โจนส์
ผู้จัดการทีม : โทนี่ พูลลิส

ผู้ตัดสิน : ไมค์ โจนส์